สรุปทริป Netherlands, Belgium, France, Vietnam 2018

ในระหว่างวันที่ 18-31 ตุลาคมที่ผ่านมาผมไปเที่ยวยุโรปมาครับ ก็ไปประเทศ Netherlands, Belgium, France และมีห้อยไปเที่ยว Vietnam มา 1 คืนก่อนกลับไทยด้วย ที่มีติดเวียดนามมาด้วยเพราะว่าไปด้วยโปร 1 หมื่นบาทของสายการบิน Qatar Airways มีเงื่อนไขว่าขาไปจะบินจากไหนก็ได้ แต่ขากลับต้องบินจาก Paris ไปลงที่ Ho Chi Minh เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศ Qatar ทั้งไปและกลับ พวกผมก็เลยจอง Nok Air กลับไทยกัน (ได้บินทั้ง Full Serivce และ Low Cost เลย) ทริปนี้เป็นการเที่ยวยุโรป,เวียดนามและกาตาร์ครั้งแรกของผมและเป็นทริปที่ยาวที่สุดที่ผมเคยไปเที่ยวมาด้วยครับ (15 วันแน่ะ)

  • วันที่ 18 ตุลาคม:
  • วันที่ 19 ตุลาคม:
  • วันที่ 20 ตุลาคม:
    • ขับรถไปจอดในที่จอดรถ Park and Ride (P+R Amsterdam) ในชานเมือง Amsterdam แล้วนั่งรถ tram เข้าไปกลางเมือง
    • เดินเล่นแถวๆ Rijksmuseum ถ่ายรูปป้าย I AMSTERDAM (ตรง Museum Square)
    • เดินเที่ยวชมงานศิลปะใน Rijksmuseum
    • ไปกินข้าวกลางวันในร้าน Foodware อร่อยดี
    • ไป Anne Frank Museum
    • ไป Dam Square
    • เดินถ่ายรูปย่านเมืองเก่าจนไปถึง Amsterdam Centraal (ถ่ายรูปหน้าสถานีเฉยๆ นะ)
    • เดินเล่นย่าน Red-Light District ตื่นตาตื่นใจดี
    • เข้าร้านปุ๊น The Bulldog อันนี้ก็ตื่นตาตื่นใจดี
    • กินบะหมี่ผัดร้าน Wok To Walk อร่อยดี
    • นั่ง tram กลับไปที่จอดรถ แล้วขับรถกับ Zaandam
  • วันที่ 21 ตุลาคม:
    • เดินเล่น Zaandam เช้าวันอาทิตย์ พบว่าปิดเกือบหมดทุกร้านเลยต้องเข้า Supermarket
    • ขับรถไปเที่ยวหมู่บ้านกังหันลม Zaanse Shans
    • กินข้าวร้าน eetcafé de Toog
    • ขับรถไปเมือง Rotterdam พักที่ ART Hotel
    • นั่งรถ Subway ไป Rotterdam Centraal Station นัดเจอมิตรสหาย @chayanin แล้วนั่งรถ Tram ต่อเข้าไปตัวเมือง
    • นั่งไปสถานี Blaak Station แล้วชม Markhal (Market Hall) และ Cube House ยามค่ำคืน
    • เดินเล่นหาร้านกินข้าวกะดื่มเบียร์ย่านนั้น ไปๆ มาๆ กินอาหารที่ร้าน Happy Italy และเบียร์ที่ร้าน Bokaal
    • แยกย้ายกับ @chayanin กลับที่พัก
  • วันที่ 22 ตุลาคม:
    • Checkout เก็บของ แล้วขับรถไปหมู่บ้านกังหันลมมรดกโลก Kinderdijk
    • กลับมาเดินเล่น Markhal, Cube House แล้วไปคืนรถเช่า
    • เดินเล่น Rotterdam Centraal Station
    • นั่งรถไฟ NS Internation แบบ Intercity Direct ข้ามประเทศจาก Netherlands ไป Belgium เลย สะดวกสบายมาก
    • ไปลงสถานี Antwerpen Centraal Station เมือง Antwerp สถานีและเมืองสวยมาก ได้บรรยากาศโบราณ + ยุคกลางดี
    • นั่ง Tram ไปเข้าพักที่ Spacious Apartment in the Heart of Antwerp
    • ออกมาเดินเล่นย่าน Grote Markt, Antwerp City Hall (แต่ซ่อมอยู่ โฮ) และย่าน Cathedral of Our Lady (Antwerp – Onze-Lieve-Vrouwekathedraal)
    • กินข้าวเย็นร้าน Meat Factory ลองเสต็กเนื้อม้าเลย แล้วไปจิบเบียร์พร้อมฟังดนตรี Jazz แนวทดลองที่ร้าน De Muze
    • เดินเล่นย่าน Grote Markt ยามค่ำคืน
  • วันที่ 23 ตุลาคม:
  • วันที่ 24 ตุลาคม:
    • ก็ยังอยู่ที่ Bruges นั่นแหละ
    • ออกมากินข้าวเช้าที่ร้าน Panos
    • เข้าชม St. Salvator’s Cathedral
    • เข้าชมด้านใน Church of Our Lady ชมรูปแกะสลัก Madonna of Bruges ฝีมือ Michelangelo
    • เดินเล่น Market Square อีกรอบ วันนี้มีของมาขายแล้ว
    • กินข้าวร้าน Le Panier d’Or ตรงแถวๆ นั้นแหละ
    • ขึ้นหอคอย Belfry of Bruges
    • กินหอยอบร้าน Poule Moules
    • ไปโบสถ์ Sint-Jakobskerk
    • แวะห้าง Fnac กลับไปพักที่บ้าน
    • ตอนเย็นออกมาถ่ายเมืองช่วง Blue Hour
    • ซื้อสปาเกตตี้ร้าน Bocca กลับไปกิน เดินเล่นเมือง Bruge ยามค่ำคืน
  • วันที่ 25 ตุลาคม:
    • ออกมาเดินเล่นในเมืองยามเช้า กิน hot chocolate กับเบเกิ้ลที่ร้าน Li O Lait
    • Checkout ไปขึ้นรถไฟที่สถานี Brugge railway station นั่งไป Brussels Central Station เมือง Brussels
    • ต่อรถไฟไปนั่งรถไฟ Thalys (รถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศเบลเยี่ยมกับฝรั่งเศส) นั่งข้ามประเทศไปยาวๆ เลย \ w /
    • ไปถึงสถานี Gare du Nord (Paris-Nord) เมือง Paris
    • ออกจากสถานีมาเป็นย่าน Little India ช็อคนิดหน่อย สกปรก เหม็นฉี่สุดๆ
    • นั่ง Paris Métro ไปสถานี Colonel Fabien เข้าที่พักที่ Generator Hostel
    • นั่ง Metro ไป Arc de Triomphe แล้วเดินถนน Champs-Élysées ต่อ
    • เดินไป Flame of Liberty และเดินต่อยาวๆ เลียบแม่น้ำ Seine ไป หอ Eiffel
    • เดินถ่ายรูปหอ Eiffel ไปจนถึง Jardins du Trocadéro
    • เดินต่อไป Pont de Bir-Hakeim (สะพาน Inception) แล้วเดินลงเดินไปเกาะ Île aux Cygnes
    • เดินห้าง Beaugrenelle
    • กินข้าวเย็นที่ร้าน Le Pareloup
  • วันที่ 26 ตุลาคม:
    • นั่งรถไฟ RER C ไปพระราชวัง Versailles (Château de Versailles) เดินทั้งในวังและในสวน
    • กลับเข้าเมือง Paris กินข้าวร้าน Le Dante
    • ไปร้าน Shakespeare and Company แต่ทัวร์ลงพอดีเลยได้แต่ดูอยู่ข้างนอก
    • ไปโบสถ์ Notre-Dame de Paris (Notre-Dame Cathedral) โชคดีเข้าไปตอนมีพิธีพอดี
    • เดินผ่าน Hôtel de Ville (Paris City Hall) ไปพิพิธภัณฑ์ Louvre ยามเย็น ดูอาคารด้านนอกอย่างเดียว สวยมากกก
    • ชมวิวหอ Eiffel ยามค่ำคืน
    • กลับที่พัก แวะกินข้าวเย็นที่ร้าน La Cantine Fabien ใกล้ๆ Hostel
  • วันที่ 27 ตุลาคม:
    • ตื่นสายๆ ออกไป Café des 2 Moulins ที่ใช้ถ่ายหนังเรื่อง Amélie
    • เดินต่อไป Sacré-Cœur (Basilica of the Sacred Heart of Paris)
    • เดินเล่น Montmartre
    • กินข้าวร้าน Bullier เป็นร้านที่ทำมันฝรั่งทอดอร่อยสุดในทริปล่ะ
    • ไปถ่ายรูป Eiffel Tower จากสนามหญ้าฝั่ง Champ de Mars
    • ไปถ่ายรูปประตูชัย Arc de Triomphe อีกรอบ
    • นั่งรถไฟ RER A ไปสถานี Auber แล้วต่อไปสถานี Opéra เพื่อไป Palais Garnier (Paris Opera)
    • เดินห้าง Galeries Lafayette Paris Haussmann ดาดฟ้าขึ้นไปชมวิวเมือง Paris ฟรี
    • ไปกินข้าวร้าน Bouillon Chartier แต่แถวยาวมากจนไปร้านฝั่งตรงข้ามที่ชื่อ Villa Montmartre แทน เอาเป็นว่าอย่าไปกินร้านนี้ตามละกันครับ แย่สุดในทริปล่ะ (ฮาาา)
  • วันที่ 28 ตุลาคม:
    • ไป Louvre แต่เช้า คนเยอะมากกกก เดินอยู่ค่อนวันก็ไม่หมดเสียที ของเยอะ งานเยอะจริงๆ อยากไปซ้ำมาก
    • กินข้าวร้าน Brasserie Réjane แต่พลาด ไปนอกเวลา lunch ของกินแทบไม่ค่อยมี
    • ไป Place de la Bastille แต่ถนนรอบๆ ปิดซ่อมเยอะมาก ไม่สวย
    • เดินไปสวนลอยฟ้า Coulée verte René-Dumont แต่ไปถึงตอนมันปิดแล้ว T^T
    • ไป Luxor Obelisk เพื่อพบว่าตอนกลางคืนมันปิดไฟ T^T
    • เดินย้อนไปทาง Champs-Élysées อยากจะไปถ่ายประตูชัยตอนกลางคืน แต่สุดท้ายก็พบว่าพอเถอะ 5555
    • ไปชม Musée National d’Art Moderne (National Museum of Modern Art) สวย จัดดี
    • ไปส่งท้ายคืนสุดท้ายที่ร้าน Bouillon Chartier อาหารอร่อยมากกก
  • วันที่ 29 ตุลาคม:
  • วันที่ 30 ตุลาคม:
  • วันที่ 31 ตุลาคม:
    • กินข้าวเช้ากับกาแฟเวียดนามแท้ๆ แถวที่พัก
    • checkout ฝากกระเป๋าไว้แถวนั้นแหละ
    • ไป War Remnants Museum
    • กินข้าวร้าน Propaganda Bistro
    • ไปกินช็อคโกแลตอร่อยๆ และซื้อของฝากที่ร้าน Maison Marou Saigon
    • เดินห้าง Takashimaya Vietnam ชมวิวเมือง Ho Chi Minh จากดาดฟ้า
    • กลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ นั่ง grab ไปสนามบิน
    • นั่งเครื่อง Nok Air กลับมาถึงดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ

Blog:
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 1 สวัสดี Qatar
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 2 พาเที่ยว Zaandam
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 3 One Day Trip in Amsterdam
พาชม Rijksmuseum, Amsterdam
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 4 พาเที่ยวหมู่บ้านกังหันลม + สวัสดี Rotterdam
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 5.1 พาเที่ยวหมู่บ้านกังหันลม + บ๊ายบาย Netherlands
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 5.2 สวัสดี Antwerp
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 6.1 พาเที่ยว Antwerp ยามเช้า
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 6.2 สวัสดี Bruges
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 7.1 Fine day in Bruges (ตอนแรก)
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 7.2 Fine day in Bruges (ตอนจบ)
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 8 สวัสดี Paris
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 8.2 สวัสดีหอ Eiffel
สะพายกล้องเที่ยวยุโรป: พาชมพระราชวังแวร์ซายแบบทิพย์ๆ
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 9 เดินเล่นเที่ยว Paris
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 10 พาเดินเล่นย่าน Montmartre
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 10.2 Fine Day in Paris
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 11.1 พาเที่ยว Louvre ตอนที่ 1
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 11.2 พาเที่ยว Louvre ตอนที่ 2
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 11.3 Last Night in Paris
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 12 บ๊ายบายฝรั่งเศส ลาก่อนยุโรป
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์เวียดนาม: ตอนที่ 1.1 สวัสดีโฮจิมินห์
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์เวียดนาม: ตอนที่ 1.2 พาเที่ยวโฮจิมินห์ยามค่ำคืน
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์เวียดนาม: ตอนที่ 2.1 พาเที่ยว War Remnants Museum
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์เวียดนาม: ตอนที่ 2.2 บ๊ายบายเวียดนาม บ๊ายบายทริปยุโรป

ทริปนี้ทุกประเทศ (และทุกเมือง) ที่ไปนี่ผมไปครั้งแรกหมดครับ เรียกได้ว่ารู้สึกแปลกใหม่, ตื่นเต้นและสนุกทั้งทริปเลย สำหรับประเทศกาตาร์นี่อยู่แค่สนามบินแต่สนามบินเขาสะอาดมาก อลังการ อยู่สบาย, เมือง Zaandam นี่ก็เงียบๆ สงบดี, เมือง Amsterdam ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเมืองเก่าๆ ชิคๆ เก๋ๆ ที่ต้องระวังคนปั่นจักรยานเป็นพิเศษ (ผมเห็นนักท่องเที่่ยวไปขวางทางปั่นแล้วโดนคนปั่นกระโดดต่อยอ่ะครับ), เมือง Rotterdam ก็รู้สึกว่าเมือง Modern สมัยใหม่มาก, ส่วน Antwerp-Bruges ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ยุโรปในยุคกลางที่เราเดินอยู่ในมรดกโลกตลอดเวลา ส่วน Paris ก็สมกับเป็นมหานครจริงๆ ทั้งมีทั้งจุดที่สวยงามอลังการและเสื่อมโทรม มีทั้งถนนที่สะอาดและสกปรก (ซึ่งเหม็นฉี่) เดินทางสะดวก เรียกได้ว่ามีครบทุกรส ส่วนเมืองสุดท้ายคือ Ho Chi Minh ก็คล้ายๆ บ้านเราดีครับ เป็นทริปที่ได้เที่ยวเมืองทุกรูปแบบเลย เรื่องความสะอาดก็ต้องบอกว่าทุกเมืองยกเว้น Paris นั้นสะอาดดีมาก เข้าห้องน้ำห้องท่าสะดวกแต่ส่วนใหญ่เสียค่าเข้า 0.5 EUR T^T ส่วน Paris นี่ขยะเยอะและเหม็นฉี่เกือบทั้งเมืองเลย T^T Metro ก็เหม็น สถานีก็เหม็น (ฮาา)

การเดินทางในยุโรปก็สะดวกสบาย เรื่องขับรถนี่เพื่อนผมเป็นคนขับดังนั้นผมคงบอกไม่ได้ว่าที่ Netherland เขาขับรถกันยังไง แต่การเดินทางในเมืองต่างๆ ในทริประหว่างอยู่ยุโรปก็ง่ายดี มีขนส่งมวลชนทั่วถึง จะเดินก็ได้เพราะทางเดินเขาดีมาก รถก็หยุดให้คนเดินก่อน จะมีก็แต่รถจักรยานที่ไม่ค่อยหยุดให้เราเท่าไหร่ ต้องระวังตัวเอง การนั่งรถไฟระหว่างประเทศก็สะดวกดีครับ ตรงเวลามาก ไม่ต้องมีตรวจ passport หรือผ่านด่านเข้าเมืองใหม่ด้วย พวกรถ Tram กับรถไฟมีป้ายบอกในรถว่ากำลังจะถึงไหนแล้ว ส่วน Metro ที่ Paris นี่บางสายก็ไม่บอกว่าถึงไหนแล้ว (คล้ายๆ บ้านเรา) ประตูทางเข้า Metro แม่งก็เข้ายากมากสำหรับคนลากกระเป๋าแถมยังกินตั๋วบ่อยด้วย (แม่ง) แต่ข้อดีคือเขาครอบคลุมทั้งเมืองจริงๆ สำหรับที่เวียดนามก็นั่ง Grab เอาเลย มีรถเยอะมากทั้ง Grab Car และ Grab Bike ถูกกว่าบ้านเรามากและคนขับรถก็ไม่เรื่องมากแบบบ้านเรา ทางเดินฟุตบาทเขาก็ดีกว่าบ้านเรา เรื่อง Internet นี่ผมใช้ Sim2fly เหมือนเดิม (package 15 วัน) Internet ส่วนใหญ่ก็แรงดี (แรงกว่า Wifi ในบ้านพัก Airbnb อีก) เว้นใน Paris ที่เวลาลงรถไฟใต้ดินแล้วไม่ค่อยมีสัญญานเท่าไหร่

เรื่องภาษาก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่นักเพราะว่าสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ทั้งหมด ยกเว้นพวกป้ายบอกทางต่างๆ ที่ไม่ค่อยมีภาษาอังกฤษกำกับนัก แต่เรื่องการพูดคุยนี่สบาย อาหารการกินก็ช่วงที่อยู่ยุโรปก็จะมีพวกมันฝรั่งเยอะมากทั้งมันฝรั่งบด, ทอด, ต้ม ได้กินมันเกือบทุกมื้อที่เป็นอาหารฝรั่งจนเอียนหน่อยๆ พวกเสต็กเนื้อ, เสต็กปลาที่นั่นอร่อยมาก น้ำดื่มราคาแพงมากเพราะใช้น้ำก๊อกได้ มีหนนึงที่ผมเผลอไปสั่งน้ำเฉยๆ (Still wter) ลืมสั่งน้ำก๊อก (Tap water) เลยได้น้ำแร่อันแสนแพงมา T^T เบียร์และไวน์อุดมสมบูรณ์มาก ราคาถูกกว่าน้ำและไม่แพงด้วยก็เลยซัดมันเกือบทุกวัน อาหารเวียดนามที่กินก็อร่อยดีครับ ผักเยอะมาก กาแฟที่ยุโรปก็อร่อย พวกผมพยายามเข้าแต่ร้าน local ก็เลยรู้สึกว่าแปลกใหม่ทุกร้าน ส่วนกาแฟเวียดนามนี่หวานมาก กาแฟก็คั่วเข้มกว่าบ้านเรา กินแล้วปวดหัวตึ๊บเลย

ทริปนี้ผมลองเอากล้อง X100T กับยืม Wide Adapter WCL-X100 (ให้ระยะ 28) ของเพื่อนไปครับ ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงเที่ยวยุโรปที่ต้องถ่ายอาคารสวยๆ โบสถ์สูงๆ หรือเมืองที่ต้องใช้เลนส์ Wide เป็นหลักมันไม่เหมาะและไม่พอเท่าไหร่นัก ส่วนตัวกล้องก็มีอาการเปิดไม่ติดบ่อย (ไม่รู้เป็นเพราะอากาศเย็นรึเปล่า) ปุ่ม fn ก็อยู่ใกล้ปุ่ม shutter มากจนเผลอไปโดนโดยไม่รู้ตัวบ่อยมากซึ่งผมตั้งให้เป็น filter ND ไว้ก็เลยอยู่ๆ ภาพ speed shutter ตกจนเบลอไปหลายรูปมาก ต้องมีสติหน่อย เจ้า eye sensor ระหว่าง LCD กับช่องมองก็ทำงานช้า บางทีเปิดกล้องมามันไปเป็นช่องมองก่อนซะงั้น ต้องรอเวลาพักใหญ่ๆ กว่ามันจะเด้งมา LCD ก็พลาดจังหวะนั้นไป แต่ที่เวียดนามกลับถ่ายสนุกมากครับ เลนส์ระยะ 35 มันเข้ากับการถ่ายเมืองและผู้คนในเมือง Ho Chi Minh ได้เป็นอย่างดีเลย

เรื่องอากาศช่วงที่ไปก็อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครับ เย็นประมาณ 15-16 องศาในตอนกลางวันและ 10-8 องศาในเวลากลางคืน ลมไม่แรงมาก ใส่ลองจอน+เสื้อยืดหนาๆ+เสื้อกันหนาวขนเป็ดบางหน่อย+ผ้าพันคอก็พอเอาอยู่ ขาก็ลองจอง+ยีนส์เอาได้ มีหนักช่วงสองวันสุดท้ายใน Paris ที่ฝนตก ลมแรงมากแต่ผมไม่ได้เตรียมตัวไปรับลมไป อุณหภูมิลงไปต่ำ 10 ตั้งแต่กลางวันก็เลยเป็นสองวันสุดท้ายที่แย่หน่อยครับ ส่วนที่เวียดนามก็อากาศคล้ายๆ บ้านเราน่ะ ใส่เสื้อยืด+กางเกงขาสั้นเดินชิวๆ เหงื่อท่วมตัว (ฮาาา) ส่วนรองเท้าก็รองเท้าผ้าใบทั้งทริป สบายอยู่ เสื้อผ้าเอาไปเยอะเกินไปหน่อยเพราะที่พักที่ Bruges ไม่ได้ลงไว้ว่ามีเครื่องซักผ้า สุดท้ายก็เลยซักผ้ากระจายจนเสื้อที่เตรียมไปใส่ไม่ครบซะงั้น

สิ่งที่พินาศที่สุดในทริปคือช่วงก่อนไปผมดันลังเลว่าไม่ควรจะเอา iPad ไปด้วย (สำหรับสำรองข้อมูลรูป) ก็เลยเอาสายทุกอย่างออกมาหมดแล้วหยิบเข้าไปใหม่ แต่ลืมหยิบ iPad ออกจากกระเป๋าแถมยังเอาสายทุกอย่างของ iPad, Garmin (เผลอหยิบติดออกไปด้วย) ทิ้งไว้ที่บ้าน ส่วนสาย USB-C ที่จะใช้กะ Powerbank ก็พลาดยัดใส่กระเป๋าที่โหลดก็ต้องเลยต้องซื้อใหม่ที่สนามบิน เจ้า Lightning to SD Card Camera Reader นั้นไปหาซื้อใหม่ได้ง่ายๆ ส่วน Lightning ก็ยืมเพื่อนเอาได้ แต่สายชาร์จนาฬิกา Garmin นี่หาซื้อไม่ได้เลยทั้งทริปเพราะไม่มีขายแยกเฉพาะนาฬิกา.. ก็ต้องปล่อยนาฬิกาตายไปในวันที่ 8 ของทริป (นับว่าแบตอึดอยู่นะ) ส่วนมือถือ Huawei P9 ก็ออกอาการแบตเสื่อมระดับรุนแรงกลางทริปเช่นกันครับ แบตลงไปต่ำกว่า 60% แล้วดับทันทีเหลือ 0% เลย ก็เลยต้องชาร์จกันบ่อยมากระหว่างทริป

การใช้เงินที่นั่นผมแลกได้แบงค์ 50 EUR มาเป็นส่วนใหญ่ครับ ก็ใช้วิธีแตกแบงค์ในร้านใหญ่ๆ หรือร้านเชนพวก Starbucks เอา ส่วนใหญ่จ่ายด้วยบัตรเครดิตไทย (ซึ่งไม่มี pin) ได้ผมก็เลยรูดบัตรเครดิตเสียเป็นส่วนใหญ่ อะไรเล็กๆ ก็ค่อยจ่ายเงินสด มีติดปัญหาแค่ตอนซื้อตั๋วรถ metro ที่ Rotterdam กับที่ Paris เท่านั้นที่บัตรผมจ่ายไม่ได้ไม่รู้ทำไหม โชคดีมีบัตรเพื่อนจ่ายได้ก็เลยรอดไป ส่วนเวียดนามแลกไป 700k ด่อง ตอนใช้งงมากเพราะว่าค่าเงินเขาอ่อนมาก จ่ายทีเป็นหมื่นเป็นแสน (หรือหลักล้านในบางมื้อ) นับเลขกันงงมากครับ

เรื่องความปลอดภัยนี่ที่ Amsterdam กับ Paris นี่โชคดีที่มีเพื่อนๆ และรุ่นพี่เตือนมาเยอะ ผมเลยระวัง (และระแวง) ตัวเป็นพิเศษ โชคดีที่ไม่โดนอะไร เงินและทรัพย์สินมีค่าอยู่รอดปลอดภัยทั้งทริปครับ มีโดนพวกยิปซีที่ Paris เข้ามาจะโจมตีบ้างแต่ไม่ได้หลงกลและพวกผมอยู่กันเป็นกลุ่มเกือบตลอดด้วยก็เลยรอดไป ส่วนที่ Belgium นี่ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนะ

สรุปแล้วทริปนี้เป็นทริปที่สนุก โหด-มัน-ฮาที่สุดทริปหนึ่งที่เคยไปครับ ได้ประสบการณ์แปลกใหม่มากมาย มีครบทุกรสชาติ ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างในประเทศที่เจริญแล้วมากมายจนอยากไปเที่ยวซ้ำเลยเพราะมีที่ๆ และประเทศที่ยังไม่ได้ไปอีกเยอะมาก ก็หวังว่าจะได้มีโอกาสไปเที่ยวยุโรป (หรือเวียดนาม) อีกรอบครับ

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดทริปนี้คือ 64458.69 บาทครับ แบ่งได้ดังนี้

  • ค่าเครื่องบิน 10965 (Qatar) + 1555 (Nok) = 12520 THB
  • ค่าที่พักที่จ่ายล่วงหน้า = 11936.71 THB
  • ค่าเดินทางที่จ่ายล่วงหน้า = 4621.27 THB
  • ค่าที่เที่ยวจ่ายล่วงหน้า = 1772.13 THB
  • ค่าใช้จ่ายระหว่างทริป
    • ใช้เงินสดไป 450.1 EURO (rate 37.80) = 17013.78 THB
    • ระหว่างทริปใช้บัตรเครดิตไปทั้งหมด = 16594.8 THB
    • เงินสดเวียดนามงงอยู่ว่าทำไมเหลือเยอะเลยตัดออกก่อน (แม่ง)

 

31 thoughts on “สรุปทริป Netherlands, Belgium, France, Vietnam 2018

  1. ตั๋วถูกดี เมื่อก่อนไป ซัก เจ็ดแปดปีก่อน ถ้าตั๋วไม่ถึง 30000 เราก็ว่าถูกมากแล้ว

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.