สะพายกล้องเที่ยวไต้หวันวันแรงงาน 2016 #2: พาเที่ยวหมู่บ้านแมวที่ฮูตงกับเดินเขาที่ Tarako

ต่อจากตอนที่แล้ว วันนี้พวกเราจะไปหมู่บ้านแมว Houtong Cat Village (猴硐貓村) กัน วันนั้นผมเริ่มเบื่อกับอาหารเช้าบุฟเฟ่ที่โรงแรมก็เลยไปลองร้านอาหารเช้าสไตล์ชื่อดังประจำย่าน Ximending คือร้าน Yong He Soy Milk กับเดินเล่นแถวนั้นตอนเช้าแทน


คนเยอะสุดๆ ไปเลย


อาหารเช้าสไตล์ไต้หวันก็น้ำเต้าหู้กับแพนเค้กใส่ไข่ใส่เครื่องครับ (ออกแนวโรตีมากกว่า)


น้องแมวข้างๆ โรงแรม

พวกเราไปขึ้นรถไฟกันไปจากสถานี Taipei Main Station ครับ ตอนแรกพวกเรากะจะนั่งรถไฟสาย Pingxi (平溪線) ไปครับ แต่จำไม่ได้แล้วว่าทำอีท่าไหนถึงไม่ได้ขึ้น สุดท้ายก็ขึ้นรถไฟธรรมดารอบใกล้สุดที่ใช้บัตร EasyCard ขึ้นได้แทน ที่บอกว่ารถไฟธรรมดาเนี่ยอย่าคิดว่าเหมือนบ้านเรานะครับ บ้านเขานี่ติดแอร์มีที่นั่งที่ยืนอย่างดี แม้จะหวานเย็นแต่ก็นั่งเดินทางสบายอ่ะ ก็นั่งไปยาวๆ ไปเมือง Houtong กัน ตัวหมู่บ้านแมวอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลย มีสะพานเดินข้ามไปสะดวกสบาย ทั้งตัวสถานีและหมู่บ้านนั้นตกแต่งด้วยธีมแมวเหมียวครับ


อร่อยจัง


เนียนนะ

หมู่บ้านนี้สมัยญี่ปุ่นปกครองเป็นเหมืองถ่านหินมาก่อน พอเหมืองปิดตัวไปผู้คนก็อพยพออกไปจากเมืองเป็นส่วนใหญ่ ทิ้งไว้แต่แมวในเมืองที่ยังอยู่และออกลูกออกหลานกันต่อไปในเมืองจนกระทั่งปี 2008 มีกลุ่มคนรักแมวเข้ามาดูแลแมวในพื้นที่และ post ภาพบรรดาเหมียวๆ ลง internet หมู่บ้านนี้เลยกลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อม renovate ตัวหมู่บ้านใหม่กลายที่สถานที่ท่องเที่ยวในธีมแมวเหมียวไปเลย แมวที่นี่อ้วนท้วนน่ารักสะอาดสะอ้านทุกตัวครับ ส่วนใหญ่จะค่อนข้างเชื่องคือเข้าใกล้ได้ระดับหนึ่ง ไม่หนีคนมาก (บางตัวอาจลูบได้) คนมาเที่ยวเยอะมาก ร้านค้าก็เยอะ น้องแมวให้ถ่ายรูปก็เยอะมากเช่นกันครับ ใครเป็นทาสแมวมาที่นี่รับรองว่าฟินแน่ๆ


ผมเจอเจ้าตัวนี้อีกทีในทริปปีใหม่ครับ มุมเดิมเด่ะๆ เลย


สบายจังเลยมานุดดดด


zzz


ในหมู่บ้านมีแต่ร้านอาหารบ้านๆ ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยครับ ก็สั่งภาษามือเอา สนุกได้ ได้ผิดบ้างถูกบ้าง

พอทาสแมวทั้งหลายถ่ายรูปแมวกันใจช่ำใจก็ได้เวลาไปกันต่อครับ พวกเราขึ้นรถไฟสาย Pingxi (ที่ตั้งใจจะขึ้นตอนเช้านั่นแหละ) ไปน้ำตก Shifen Waterfall (十分大瀑布) ที่เมืองผิงซี กันครับ ยืนบนรถไฟไป 10 นาทีก็ถึง เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นคือการลอยโคมไฟกันที่ทางรถไฟซึ่งอยู่ชิดกับร้านค้าเลย (นึกภาพลอยโคมเชียงใหม่ผสมตลาดร่มหุบ) อีกที่คือน้ำตกที่เราจะไปนั่นเอง การเดินทางไปน้ำตกมีทั้งเช่ารถมอเตอร์ไซค์หรือปั่นจักรยานไปเพราะน้ำตกมันอยู่ออกนอกเมืองไปประมาณนึง พอเดินได้ ตัวทางเดิน (บนนถนนนี่แหละ) ปลอดภัยอยู่ น้ำตกก็สวยดี ไม่ต่างจากน้ำตกบ้านเรา แต่เรื่องสถานที่เขาดีกว่าเรามาก ทางเดินขึ้นเดินลงน้ำตกปลอดภัยกว่าบ้านเราเยอะ มีรั้วกั้นมิดชิด


ที่สถานีผิงซีเขาจอดให้คนเดินข้ามระหว่างชานชาลาแบบบ้านเราอ่ะครับ ก็แปลกดี


ส่วนใหญ่เขาจะเช่ารถกัน แต่พวกผมเดินจ้า


น้ำตก Shifen ครับ ก็ประมาณน้ำตกบ้านเรานั่นแหละ (ฮา)

ขากลับเดินย่านสถานีกับร้านค้าที่เขาปล่อยโคมกันพอดี ผมเห็นมีร้านขายโคมหลายร้านมากครับ ส่วนใหญ่ก็จะมาเป็นโคมเปล่าๆ แล้วให้เขียนข้อความแล้วปล่อยกัน พอรถไฟมาที่ก็วิ่งหนีกัน ขากลับพวกเรานั่งรถไฟหวานเย็นกลับไทเปครับ (รถด่วนต้องจองล่วงหน้า EasyCard ขึ้นไม่ได้) คนเยอะมากกกก ก็ยืนกันขาแข็งเบียดเหมือนรถไฟใต้ดินบ้านเราตั้งแต่ผิงซีมายันไทเปเลย แต่รถหวานเย็นเขาก็เป็นรถติดแอร์เย็นช่ำนะ ไม่เหมือนรถไฟบ้านเรา กลับมาถึงไทเปก็แวะ shopping กันที่ Line store ที่สถานี, ซื้อตั๋วรถไฟ TRA แล้วกลับไปหาอะไรกินที่ Ximending แล้วกลับโรงแรมเลยครับ เหนื่อยกันมากทุกคนวันนี้


น้องแมวที่สถานี


เขาลอยกันแบบนี้


ลอยขึ้นฟ้าไป


รอรถไฟกันเยอะมาก


Line Store

วันถัดมาพวกเรานั่งรถไฟ Puyuma Express (普悠瑪號) ไปเมือง Hualien (花蓮縣) กัน ใช้เวลาสองชั่วโมงครับ ที่เมืองฮั่วเหลียนเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีอุทยานแห่งชาติ Taroko National Park (太魯閣國家公園) ที่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 2 ชั่วโมงเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ ตัวเมืองไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่นอกจากถนนคนเดินที่มีสินค้าราคาถูกกับอาหารอร่อยๆ เพียบเพราะว่ามีมหาวิทยาลัย แต่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยค้างคืนที่เมืองนี้เท่าไหร่นัก (ผมเคยมาค้าง 1 คืน) ส่วนใหญ่จะเหมารถ taxi พาไปเที่ยวอุทยานแล้วกลับไทเปกันตอนเย็นมากกว่าครับ พวกผมก็เช่า taxi กัน 2 คันได้หัวละ 2500 NT (แพงงง)


มาถึงแล้ว!!!

จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติ Taroko มีสองที่คือครับ หนึ่งทางเดินริมหน้าผาที่ข้างล่างเป็นลำธารที่มีน้ำเป็นสีน้ำเงิน (Shakadang Trail – 砂卡噹步道) สองคือ Yanzikou Trail (燕子口) ที่เป็นทางเดินเรียบภูเขาหินอ่อนที่เขาเจาะอุโมงค์ไว้ครับ ด้านล่างก็เป็นแม่น้ำระหว่างทางจะเห็นร่องรอยการกัดเซาะของน้ำที่ตัวภูเขา ตรงจุดที่สองนี่ต้องใส่หมวกกันหินหล่นเพราะว่ามีหินหล่นมาจากผนังอยู่บ้างครับ ซึ่งไอ้สองจุดนี้ตอนผมมารอบแรก Taxi มันพาไป แต่รอบนี้ Taxi เราบอกจุดแรกแม่งไม่มีอะไรหรอก แล้วขับเลยไปเลยพาไปวัดแทน พอถึงวัดมันก็ไม่ได้ให้เข้าวัดนะ ให้เดิน trekking ข้ามหน้าผาไปจุดชมวิวที่อยู่บนภูเขาอีกด้านซะงั้น!!! เจ้าสะพานข้ามหน้าผานั่นก็ข้ามได้ทีละ 5 คน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คุมอะไรทั้งสิ้น ก็ต้องจัดการจราจรกันเองครับ รอข้ามนานอยู่ ข้ามไปได้ก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกกกก พอลงมาได้เขาก็พาเราไปเดิน Yanzikou Trail ต่อครับ


สะพานนี่แหละ


เดินขึ้นเขาอีก


แต่วิวสวย อลังการโคตรๆ


ทางเดินแบบนี้แหละ


วิวประมาณนี้แหละ

ขากลับตามโปรแกรมเขาพาเราไปหาด Qixingtan Beach (七星潭) ซึ่งก็ไม่ได้สวยอะไรเท่าหาดทรายบ้านเราได้หรอก แล้วพวกเราก็กลับเมืองฮั่วเหลียนกันแล้วหาข้าวกินแถวๆ สถานี (ไม่อร่อย) แล้วนั่งรถไฟกลับมาถึง Taipei Main Station ตอน 3 ทุ่มครับ แล้วก็เดินหาอะไรกินเล่นๆ ใน Ximending สักครู่ก่อนจะกลับไปหลับเป็นตายที่ห้อง

วันที่ 6 พวกเราไปเดินตากแอร์เย็นๆ กันที่ National Palace Museum (國立故宮博物院) หรือที่เรียกกันว่า “กู้กง” กันครับ ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมศิลปวัตถุ, วัตถุโบราณและทรัพย์สินทั้งหลายกว่า 7 แสนชิ้นของพระราชวังต้องห้าม (ก็เรียกว่ากู้กงเหมือนกันแหละ) ที่ปักกิ่ง ก็สรุปได้ว่าที่ปักกิ่งนั้นมีตัววังและทรัพย์สินส่วนน้อยอยู่ ส่วนทรัพย์สินส่วนใหญ่อยู่ไต้หวันนั่นเอง (คือแม่งถอดห้องทรงอักษรของเฉียนหลงฮ่องเต้ทั้งห้องแล้วขนมาประกอบใหม่ที่ไต้หวันได้อ่ะ) การไปกู้กงนั้นต้องไปหลายต่อหน่อยครับ คือนั่งรถไฟไปลงสถานี Shilin แล้วนั่งรถเมล์ต่อไปลงหน้าพิพิธภัณฑ์เลย ด้านในห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด ค่าเข้า 250 NT ค่า Locker อีก 10 NT ด้านในมีงานศิลปะงามๆ ระดับมหัศจรรย์ของช่างจีนมากมายทุกแนวให้เลือกชมกัน ที่เด่นที่สุดคือหยกที่สลักเป็นผักกาดและหมูสามชั้น ที่สมจริงสุดๆ แต่วันที่พวกเราไปนั้นผักกาดไปจัดแสดงที่จังหวัดอื่นส่วนหมูสามชั้นไปอเมริกาซะงั้น ก็อดชมไป T^T


แถวๆ สถานี Shilin มีร้านชาบูแบบหม้อเล็กๆ หม้อนึงกินได้คนเดียวด้วย สะดวกดีเหมือนกัน อร่อยและไม่แพงครับ (ที่เห็นนี่ 150NT จุก!!)

ช่วงบ่ายพวกเราไปเดินเล่นที่ Line Store ที่ Taiwan Breeze ย่าน Taipei City Hall Station (市政府站) แล้วก็ไปร้าน Mi Shop ที่ Xingtian Temple Station (ทางออก 3) ซึ่งผมซื้อ Mi Bank มาตัวนึง 395 NT เอง ถูกดี

เย็นวันนั้นพวกเราไปชมวิวตึก Taipei 101 ที่ Sun Yat-sen Memorial Hall (國立國父紀念館) ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดชมวิว Taipei 101 ที่ดีที่สุดกันครับ (ปลายปีนั้นผมก็ไป countdown ที่นี่) แล้วก็หาข้าวกินแถวๆ นั้นแหละ หมูกรอบบ้านเขาอร่อยดี (ปลายปีนั้นผมก็กลับไปกินร้านเดิมโดยไม่รู้ตัวอีก!!!)


หมูกรอบไต้หวัน

ก็ขอจบตอนสองของทริปไต้หวันวันแรกงานที่ดองไว้ตั้งแต่ปี 2016 ไว้เท่านี้นะครับ ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวทะเลสาป Sun Moon Lake, Taipei Fish Market (台北漁市) กันครับ

Link:
สรุปทริปไต้หวัน 2016

2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยวไต้หวันวันแรงงาน 2016 #2: พาเที่ยวหมู่บ้านแมวที่ฮูตงกับเดินเขาที่ Tarako

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.