ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ มาถึงสองวันสุดท้ายของทริปแล้ว ส่วนใหญ่ก็เดินเล่น, กิน, shopping ซะมากกว่า วันนั้นเช้ามาพวกเราไป Korea Postage Stamp Museum (우표박물관 (구.우표문화누리)) ที่อยู่ใน Seoul Central Post Office ครับ เข้าชมฟรีด้วย
ที่นี่มีทั้งประวัติแสตมป์ของเกาหลี, แสตมป์นานาชาติ จัดแสดงทุกอย่างเกี่ยวกับแสตมป์ทั้งตัวแสตมป์, ตู้จดหมาย, บุรุษไปรษณีย์ ที่เด็ดมีคือแสตมป์ SNSD ยุค 9 คนจัดแสดงและขายที่นี่ด้วย
ตู้ไปรษณีย์
เดินชมใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ก็หมดเพราะสถานที่เล็กนิดเดียวเอง แต่จัดแสดงดี ฟรี ถ้ามาเที่ยวโซลแล้วว่างๆ ก็มากันได้ครับ ออกมาพวกผมก็ไปเดินเล่น Duty Free ที่ Lotte Duty Free Shop – Main Branch (롯데면세점 (본점)) และ Lotte Young Plaza (롯데백화점 (영플라자)) ในย่าน Myeongdong (명동) ครับ สรุปว่าไปหมดเงินที่ SM Town Pop-Up Store เยอะมาก T^T
สาวๆ Twice เป็น Presenter ให้ห้าง Duty Free ในเครือ Lotte
น้องแทที่ SM Town Pop-Up Store
เด็กๆ เค้ก Red Velvet
แล้วก็ออกมาเดินย่านเมียงดงต่อ ก็ซื้อของฝากเสร็จก็เดินเล่นถ่ายรูปครับ ย่านนี้ตอนกลางวันถ่ายรูปสนุกไม่แพ้ตอนกลางคืนเลย เผลอๆ จะถ่ายรูปง่ายกว่าด้วยเพราะคนน้อยกว่า
112 เป็นเบอร์ฉุกเฉินถึงตำรวจเกาหลีครับ ประมาณ 191 บ้านเรา
เดินเสร็จก็กลับที่พัก เก็บของแล้วไป COEX Artium (코엑스아티움) เพื่อไปร่วมงาน Birthday Party ของสาว Sunny แห่งวง Girls’ Generation ครับ
เรื่องงาน BD Party ผมเขียนแยกไว้ที่ Blog นี้แล้ว งานสนุกมากแม้ว่าจะฟังไม่ออกา (อ้าว) Sunny โคตรแฟนเซอวิส กลับออกมาจากงานก็ดึกแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งรถไฟใต้ดินกลับไปหาข้าวกินแถวที่พักครับ
เช้าวันถัดมาเป็นวันสุดท้ายของทริป ก็ไม่มีอะไรครับเป็น free day เช้ามาก็ check-out แล้วลากกระเป๋าไปซื้อของฝากพวกของกินที่ Lotte Mart กันตั้งแต่ 9 โมงครึ่งเพื่อที่จะพบว่ามันเปิด 10 โมง – -” ซื้อของเสร็จก็ฝากกระเป๋าไว้ที่นั่นเลย (เสียตังค์ + จำกัดเวลา) แล้วแยกย้านยกัน ผมก็ไปทำธุระที่ย่าน Shinchon ก่อน
ไป Lotte Mart
ตู้กดทุกอย่างในสถานีรถไฟบ้านเขาเป็นตู้อัตโนมัตหมดแล้วครับ
แล้วก็นัดเจอกันที่ฮงแด ผมไปถึงก่อนก็ไปเดินเล่นแป๊บนึงก่อนไปร้านหมูหมึกกุ้งผัดเผ็ดร้าน Hong’s Jjukkumi (홍스쭈꾸미) ร้านเดิมที่มากินมันทุกรอบ
กินเสร็จก็แยกย้ายกันอีกรอบก่อนจะไปนัดเจอกันที่สถานี Seoul Station ผมก็ไปนั่งจิบกาแฟรอก่อน แล้วนั่ง AREX จาก Seoul Station ไปสนามบินกัน สถานี Seoul Station ฝั่งที่นั่ง Arex อลังการมากๆ ครับ พอๆ กับสนามบินเลย ทางก็ซับซ้อน ป้ายก็งง แม่ง
Nitro Cold Blew เกาหลี ทำไมมึงใส่น้ำแข็ง…
สถานี Seoul Station คนละเรื่องกะหัวลำโพงบ้านเราเลย
พวกเรามาถึงสนามบินตอนบ่าย 3 โชคดีที่ไปถึงแล้วคนที่ counter check-in น้อยมาก, ตม คนก็น้อย ผ่านไวสุดๆ เข้าโซน duty free ก็เดินหาอะไรกินกัน รอบนี้ผมรอบร้านน้ำปั่นที่ Jessica ชอบกับ Bulgogi Burger ของ Lotteria ก็โอเคนะ ใช้ได้เลย อ้อ ตอนนั้นพวก Vat refund ทุกเจ้าบังคับไป Gate 27 ด้านใน duty free หมด ก็สบายครับ ไม่ต้องมาดูว่า refund เจ้าไหนไป gate ไหนอีก
แฮร่
หุ่นทำความสะอาด ใช้ Ubuntu แฮะ
ร้านน้ำปั่นที่ Jessica ชอบ
อร่อยดี แต่แพงสัดแจ้
Bulgogi Burger หน้าตาดูงั้นๆ แต่ใช้ได้เลย
ขากลับพวกเรานั่ง TG เหมือนเดิมครับ ขากลับก็ยัง Transit เช่นเดิม แต่ว่าไปแวะพักที่ไต้หวันแทน ขาฮ่องกงไปไต้หวันคนน้อยมากๆ แต่ขาจากไต้หวันกลับไทยคนเพียบเลยย
อาหารขาโซล -> ไทเป
แวะ transit ที่ไต้หวัน เวลาน้อยกว่าขามาอีก
ฝนถล่มสนามบินเถาหยวนอยู่ และฝนมันก็ตามมาตกหนักถึงไทยด้วยครับ
คนโคตรเยอะ
อาหารจากขาไต้หวัน -> ไทย
ในที่สุดพวกเราก็กลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพครับ ทริปนี้เป็นทริปเกาหลีครั้งที่ 3 ของผมแต่เป็นทริปที่โหดที่สุดในสามทริปเลย หนักสุดก็ไอ้วันที่ไปรอตั๋ว 12 ชั่วโมงนั่นแหละ T^T ทริปนี้ได้เก็บที่เที่ยวในโซลที่อยากไปครบเลยครับ ได้ติ่งด้วย สนุกมากๆ หวังว่ารอบหน้าที่ได้ไปเกาหลีใต้จะได้เปลี่ยนเมือง ไปเมืองอื่นบ้างเหมือนกัน (พวกปูซาน เกาะเจจูอะไรทำนองนี้)
Link:
– สรุปทริป Seoul – Persona – Sunny BD Party
– Sunny Birthday Party in Seoul
One thought on “สะพายกล้องเที่ยว Seoul-Persona 2017 #5: Goodbye Seoul”