ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ ตอนนี้จะพาไปเก็บตกจุดที่ท่องเที่ยวในโซลที่ผมอยากไปตั้งแต่ครั้งก่อนๆ แต่ไม่ได้มีโอกาสไป หรือไปแค่แป๊บเดียวบ้าง ที่แรกที่ไปคือตลาดปลา Noryangjin Fisheries Wholesale Market (노량진 수산시장) ครับ ก็นั่งรถ Subway ไป แล้วเดินข้ามสะพานตรงสถานี ผ่านลานจอดรถบนดาดฟ้าตึกแล้วลงไปตามบันไดก็ถึงครับ (มีป้ายบอกตลอดทาง)
เดินผ่านลานจอดรถนี้ลงไปก็ถึง
ลงจากลานจอดรถเราจะไปถึงตลาดเก่าก่อนครับ สภาพก็เหมือนตลาดสดบ้านเรานั่นแหละ คือเปียกๆ แชะๆ หน่อย พ่อค้าแม่ค้าเรียกเสียงล้งเล้ง แต่ใจดีมาก ถ่ายภาพได้ ไม่มีปัญหาอะไร ได้ความรู้สึกเหมือนเดินตลาดบ้านเราดี นักท่องเที่ยวตรงนี้ไม่เยอะเท่าไหร่นัก เดินสบายๆ
เดินออกจากตลาดเก่ามาก็จะเป็นตลาดใหม่ครับ เป็นอาคารติดแอร์มีหลายชั้นเลย ทางเดินก็สะอาดดี ถ่ายรูปได้เหมือนเดิม นักท่องเที่ยวและชาวบ้านมาซื้อของกันเยอะมาก
จริงๆ แล้ววัตถุประสงค์ที่ผมมาตลาดปลานี้คือมากินปลาดิบครับ มีรุ่นน้องเคยมาบอกว่าเราชี้ๆ แล้วเขาจะแล่ปลาสดๆ มาให้เรากินเลย แต่พอมาจริงผมไม่เห็นใครเขากินปลาดิบเลย มีแต่จัด set ทะเลรวม, ปลารวมแล้วกินแบบหม้อไฟทั้งนั้น คือชั้นสองของตลาดจะมีร้านหม้อไฟเต็มไปหมด เราก็เลือกปลาจากร้านไหนก็ได้ชี้ๆ เอา เขาก็จะแล่แล้วเอาขึ้นมาส่งให้ที่ร้านนั้นต้มให้เรากิน แต่ผมไปคนเดียวไงเลยไม่อยากกินอะไรแบบนี้คนเดียวเท่าไหร่ บายดีกว่า T^T แต่ก็เป็นตลาดปลาที่เดินสนุกทั้งตลาดเก่าตลาดใหม่นะครับ ตลาดเก่าก็เหมือนบ้านเราแหละ แต่เป็นระเบียบกว่า สะอาดกว่าหน่อยนึง ส่วนตลาดใหม่ก็เดินง่ายดี แม่ค้าพ่อค้าก็ใจดีทั้งสองที่เลย
ผมออกมาจากตลาด ไปหาอะไรแถวๆ ตรงข้ามตลาดกินครับ มีร้านอาหารเยอะเหมือนกัน ร้านค้าก็เยอะ เลือกมาร้านนึง สั่งจาจังเมียน (jjajangmyeon (짜장면)) กิน อร่อยดี
กินเสร็จก็ไปวัง Gyeongbokgung (경복궁) ต่อ คือวังนี้ผมเคยมาเมื่อครั้งแรกแต่มาช้าไป เขาปิดพอดี รอบนี้เลยไปทั้งแต่เที่ยงๆ – บ่ายๆ เลยครับ วันที่ไปโชคดีได้ลดราคาค่าตั๋วเข้า 50% ด้วย เย้
สาวๆ ใส่ชุดฮันบกมาเดินเยอะมาก แหล่ม!!!
ระหว่างถ่ายรูปอยู่ มีสาวคนนึงเห็นผมเล็งกล้อง (ไปทางอื่น) อยู่เลยมา photobomb ผม ผมก็เลยขอให้ทั้งก๊วนมาถ่ายเป็นแบบให้ซะเลย ซึ่งหลังจากนั้นก็เดินวนไปวนมาเจอกลุ่มนี้ตลอด
เลยจับมาถ่ายรูปซะเลย
ด้านในพวกวัง อาคารต่างๆ ก็สวยดีครับ แต่ว่ามันไม่ค่อยมีอะไร โล่งๆ (เพราะโดนทำลายไปช่วงจักวรรดิญี่ปุ่นยึดครอง) ซึ่งตัวอาคารดูใหม่ๆ ก็เพราะเขาสร้างใหม่เกือบหมดนั่นเอง ด้านในยังมีอีกหลายอาคารและหลายโซนที่ต้องเสียค่าเข้าเพิ่มด้วยก็เลยไม่ได้เข้าไป
อันนี้มีสาธิตการชงชาแบบเกาหลี ให้คนมาชมได้เข้าร่วมด้วย
อันนี้โซนจัดแสดงเครื่องทรงของราชนีเกาหลีสมัยโบราณครับ
เดินๆ ไปอยู่ฝนเจ้ากรรมก็ถล่มลงมา (น้องๆ ที่ไปต่อคิวซื้อตั๋วคอนวันนั้นบอกว่าวิ่งหลบฝนกันกระเจิง) ถล่มระดับเป็นพายุแบบร่มเอาไม่อยู่เลย ยืนหลบฝนอยู่ไปเจอสาวในก๊วนข้างบนนั่น เธอขอยืมร่มไปรับเพื่อนๆ ของเธอที่ติดฝนอยู่อีกอาคารนึง ผมก็ให้ยืมไปแล้วก็ยืนดูพวกเธอไปรับเพื่อนๆ มาทีละคน แล้วดันรับมาไม่หมดด้วยก็ต้องให้ยืมไปอีกรอบนึง รอฝนอยู่สักพักใหญ่ๆ เลยล่ะกว่าฝนจะซาให้พอเดินออกไปได้ครับ เพื่อนร่วมติดฝนด้วยกันเพียบเลย
ในที่สุดก็ได้เดินวัง Gyeongbokgung สมใจซะที วังก็สวยดีนะครับ แต่ข้างในมันไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เหมือนเป็นอาคารโล่งๆ ไม่ค่อยมีของเก่าเท่าไหร่ (ซึ่งก็เข้าใจในจุดนี้) รอบหน้าคงถ้ามาอีกคงไม่มาเดินแล้วมั้ง ออกมาฝนตกหนักอีกรอบ ผมก็เลยหนีฝนเข้า National Museum of Korean Contemporary History (대한민국역사박불관) ครับ พิพิธภัณฑ์นี้ผมก็เคยมาเดินแล้ว แต่เดินได้ชั้นเดียวก็ต้องรีบออกไปเพราะเขาจะปิดแล้ว วันนี้เลยได้เดินทุกชั้นสมใจ พิพิธภัณฑ์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ประเทศเกาหลีสมัยใหม่ ตั้งแต่ยุคปลายๆ ราชวงศ์โชซ็อน, โดนญี่ปุ่นยึด, แบ่งเหนือ-ใต้, การต่อสู้กับเผด็จการทหารในช่วงตั้งประเทศใหม่ๆ สืบมาจนถึงยุคปัจจุบันครับ ดราม่าดี ที่น่าสนใจคือเขาพูดถึงประวัติศาสตร์บาดแผลช่วงยุคเผด็จการได้เต็มที่เลย คือบ้านเขาเนี่ยเคยเกิดการรัฐประหาร, การปกครองด้วยเผด็จการบ่อยมาก แต่พวกเขาเลือกที่จะ “จำ” ไม่ได้เลือกที่จะ “ลืม” แบบบ้านเรา
พิกัดดราม่าตลอดกาล
อันนี้น่าจะรูปจากเหตุการณ์ การปฏิวัติเดือนเมษายน เพื่อประท้วงขับไล่ Syngman Rhee ประธานาธิบดีและเผด็จการคนแรกของเกาหลีใต้
อันนี้จากเหตุการณ์ Gwangju Uprising ที่มีการฆ่าประชาชนมากมาย
ออกมาผมก็ไปที่ Dongdaemun Design Plaza (동대문디자인플라자 (DDP)) ครับ ตอนแรกว่าจะถ่าย landscape สวยๆ ย่านนี้ แต่มาเร็วไปหน่อย ฟ้ายังไม่มืดเลย ก็เลยเข้าไปเดินงาน PIXAR ANIMATION STUDIOS 30TH ANNIVERSARY SPECIAL EXHIBITION ที่จัดตรงนั้นแทนครับ งานนั้นเป็นงานรวมงาน draft, design, prototype ของภาพยนต์อนิเมชั่นและตัวละครของ Pixar ทุกตัว เริ่มตั้งแต่ตอนออกแบบ, story board ไปจนถึงสร้างจริงๆ เลยทีเดียว ด้านในห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด คนเยอะสุดๆ ในฐานะติ่ง Pixar อย่างผมก็ฟินกันไป แต่ข้อเสียคืองานมันให้คนต่อแถวดูงานที่จัดแสดงไปตามลำดับครับ ซึ่งจริงๆ ก็ดีแหละ แต่ว่าคนแม่งดูกันรูปละ 10+ นาที โอย แม่งโคตรช้าเลยกว่าจะเดินไปดูงานจัดแสดงชิ้นต่อไปได้ แม่ง หงุดหงิด
ตัว DDP นี่ก็สวยดีครับ อาคารสวย ข้างในขายของชิคๆ คูลๆ แต่แนะนำให้รอช่วง Blue Hour ตอนเย็นๆ ดีกว่า สวยกว่าตอนกลางวันชนิดคนละเรื่องเลย ผมก็นั่งกินขนม (แพง) ด้านในรอจนฟ้ามืดนิดๆ ค่อยออกมาถ่ายรูปครับ
ออกมาจาก DDP ผมนัดกับน้องๆ ที่ไปดูคอนน้องแทวันที่ 2 ที่เพิ่งออกจากคอนเสิร์ตไปกินหมูย่างกันที่ย่าน Hongdae (홍대) ครับ คนเยอะมากๆ เป็นปกติของวันเสาร์ที่ย่านนี้อยู่แล้ว
มันนนนนนนนนน
หย่อยๆ
ขากลับพวกเราไปรอรถเมล์อยู่พักใหญ่ๆ รถเมล์ที่จะไป Seoul Station ก็ไม่มาซะที สุดท้ายก็ต้องเรียก Taxi กลับจากฮงแดไป ถึงที่ราคา 9630 วอน ให้แบงค์หมื่นไปมันก็ไม่ทอน !!! (มารู้ที่หลังว่าเรื่องปกติ) คืนนั้นกลับห้องไปดูหนังเรื่องคิดถึงวิทยาที่ฉายที่เกาหลี ก็แปลกดีที่อยู่ไทยไม่ดู มาดูที่นี่แทน (ฮาาา )
ก็ขอจบตอนที่ 3 ไปก่อนนะครับ ตอนหน้าจะพาไป N’Seoul Tower กับชมวิวที่ Seoul Sky ล่ะ