หลังจากดองเค็มจนได้ที่ ก็ได้เวลาเขียนถึงทริปเกาหลีเมื่อปีที่แล้วครับ จุดประสงค์หลักของรอบนั้นคือการไปดู solo คอนเสิร์ต “Persona” ของน้องแทยอนกับร่วม Birthday Party ของ Sunny แห่งวง Girls’ Generation ด้วย
ทริปนั้นผมและก๊วนนั่งเครื่องการบินไทยไปครับ เป็นครั้งแรกที่มีการทรานสิทด้วย ขาไปทรานสิทที่ฮ่องกง ขากลับที่ไต้หวัน การทรานสิทคือเขาก็จอด เราก็เก็บของออกไป, ถือบัตร Transit, เข้าเครื่องแสกนอีกรอบ แล้วไปนั่งรอที่ Gate สักพักนึ่ง (30นาที-ชั่วโมง) แล้วก็กลับเข้าไปนั่งที่เดิม การเดินทางก็ราบรื่นดียกเว้นที่ฮ่องกงที่พนักงที่ gate ตอนแรกแม่งหยิบ boarding pass ผมไปซะงั้น
ระหว่างรอขึ้นเครื่องที่ไทย ขาไปคนเยอะมาก แต่พอทรานสิทที่ฮ่องกงแล้วคนหายไปเกินครึ่งเลย สบายๆ
ระหว่างกรุงเทพ-ฮ่องกง นั่งข้างแขก ก็ประสบการณ์เดิมๆ เหมือนตอนไปอินเดีย คือแม่งจะกิน Vegi แต่ไม่สั่งมาล่วงหน้า นั่งเฉยๆ ให้ Flight attendants ยกของให้หมด ดีมันลงไปที่ฮ่องกง
พวกเราไปถึงสนามบิน Incheon International Airport (인천국제공항) ตอนสองทุ่มกว่าๆ ผ่าน ต.ม. เกาหลีอันลือชื่อไปอย่างง่ายดาย แล้วก็นั่งรถไฟ Airport Express (AREX) เข้าเมืองไป Seoul Station (서울역) ครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมา Seoul Station แบบจริงจังเลย สถานีอลังการงานสร้างมากๆ ทางออกเยอะไปหมด แล้วก็ไปที่พักชื่อ K-Pop Guesthouse Seoul Station กัน (ชื่อบ่งบอกมากๆ) ห้องสะอาดดี แต่ปลั้กน้อยไปหน่อย
อันนี้ซอยเข้าที่พักครับ ดูมืดๆ แบบนี้จริงๆ ปลอดภัย กลางคืนมีแต่มนุษย์เงินเดือนเกาหลีมาเมากัน (ร้านเหล้าเพียบ) ซึ่งก็ปลอดภัยดี เงียบๆ กว่าที่คิด
พอเข้าที่พัก เก็บของ ล้างหน้าล้างตาก็ออกไปหาอะไรกินกัน คืนแรกก็ไปหาอะไรกินกันง่ายๆ ที่ห้าง Lotte Mart ที่อยู่ติดกับสถานีครับ จริงๆ เดินบนถนนไปก็ได้ ใกล้มากแบบมองเห็น แต่ว่ามันไม่มีทางข้ามเลย สุดท้ายก็ต้องลงใต้ดินที่เหมือนเขาวงกตย่อมๆ เจอคนจรจัดนอน คนเมาเดินโวยวายอยู่ ได้ฟิลการ์ตูนเรื่อง Seoul Station ดี สุดท้ายพอไปถึงห้าง ร้านอาหารก็ปิดแล้ว ก็เลยซื้อพวกบะหมี่ เสบียงต่างๆ กลับมากินที่โรงแรมกัน ก็จบไปสำหรับวันแรกครับ
เห็นกันแบบนี้แต่ไม่มีทางม้าลายจ้า อยากไปก็เดินลงใต้ดินโลด
วันรุ่งขึ้นพวกเรามีแผนจะไปเยี่ยมชม Blue House (Cheong Wa Dae – 청와대) ซึ่งเป็นทำเนียบประธานาธิปดีเกาหลีใต้ครับ จะไปต้องจองไปก่อนว่าไปวันไหน รอบไหน แล้วไปขึ้นรถบัสที่สถานีอยู่ข้างๆ วัง Gyeongbokgung (경복궁) โชคดีของพวกเราคือไปทันตอนเขาเปลี่ยนกะยามพอดี ก็เลยได้เห็นขบวนสวนสนามแลกกะยามแบบโบราณ ซึ่งก็สวยดี แต่ผมชอบแบบเรียบง่ายแต่โคตรทรงพลังของการเปลี่ยนกะการ์ดที่ไต้หวันมากกว่า
แล้วพวกเราก็ไปขึ้นรถบัสไป Blue House กัน มีตรวจ Passport ด้วยเพื่อความปลอดภัย พอไปถึงที่ก็มี Security check ตามปกติ ไม่ได้ตรวจอะไรละเอียดมาก (จำนวนการตรวจย้ำคิดย้ำทำน้อยกว่าที่ Srinagar มาก อิอิ) แล้วก็เอา passport ไปแลกหูฟังกับเครื่องแปลภาษา ว่าตรงนี้คืออะไร มีความเป็นมายังไงครับ การเดินชมจะเดินชมเป็นจุดๆ ตามที่เจ้าหน้าที่พาไปครับ (สวย-หล่อทุกคน!!!) ส่วนใหญ่จะถ่ายรูปไม่ได้ เว้นแต่บางจุดที่ถ่ายรูปได้ในมุมที่กำหนดเท่านั้น (เช่นห้ามเห็นตึก ต้องให้ต้นไม้พุ่มนั้นเป็น foreground ทำนองนี้) เข้าใจว่าเพื่อความปลอดภัยของประธานาธิปดีและเจ้าหน้าที่รัฐบาลสำหรับประเทศที่ถือว่ายังอยู่ในภาวะสงครามอย่างเกาหลีใต้ครับ
จุดนี้บังคับให้ถ่ายได้แต่มุมนี้เท่านั้น มุมอื่นติดตึก
ด้านในก็สวยดีครับ อาคารและสวนจัดสวยมาก อากาศก็ดี ยิ่งจุดไหนสวยมากก็จะยิ่งห้ามถ่าย (ฮาาา) หรือบางจุดเช่นศาลเจ้าของราชวงศ์ที่อยู่ข้างๆ ทำเนียบบอกถ่ายได้เต็มที่เลย แต่อย่างติดตึกทำเนียบนะ ซึ่งแทบจะไม่มีมุมไหนเลยที่ถ่ายมาจะไม่ติดทำเนียบ!! (มีขอดูรูปด้วย)
จุดนี้ต้องให้พื้นเป็น foreground เยอะๆ ครับ อย่าให้เห็นทำเนียบเต็มๆ
ขากลับพวกเรานั่งรถบัสกลับไป Gyeongbokgung แล้วไปกินข้าวกลางวันที่ insadong (인사동) พวกเราเลือกร้านข้าวกล่องที่ น้องซอ กับ ยุนอา เคยมากิน ก็เป็นข้าว+กิมจิ+ไข่ดาว+สาหร่าย+ไส้กรอกจัดมาในกล่อง เวลากินก็เอามาเขย่าๆ ให้คลุกกัน แปลกดี อร่อย แต่น้อยไปนิด
กินเสร็จพวกเราก็ไปเดินวัด Jogyesa (조계사) ที่อยู่แถวนั้นก็แป๊บนึง
แล้วพวกเราก็นั่งรถบัสไปสถานี Gangbyeon Station (강변역) เพื่อเช่าจักรยานจากร้านแถวๆ นั้นแล้วปั่นข้ามแม่น้ำ Han (한강) ไปทาง Jamsil Railway Bridge (잠실철교) แล้วเลียบทางจักรยานจนไปถึง Olympic Hall (서울 올림픽 공원) เพื่อสำรวจลาดเลาของคอนเสิร์ตครับ ทางปั่นจักรยานเขาดีมากๆ มีทั้งทางข้าม ลูกศรบอกทางชัดเจน ปลอดภัย อากาศก็ดี วิวก็สวย แต่เสียอย่างเดียว จักรยานผมได้มาปรับเบาะนั่งไม่ได้ ต้องยอมปั่นงอๆ ขาไปตลอดทาง T^T พอไปถึง Olympic Hall แล้วพบว่ามีการติดรูปกับจัดที่เตรียมคอนเสิร์ตแล้ว ได้ยินเสียงดนตรีด้วยก็ไม่รู้ว่าน้องแทมาซ้อมหรือ sound check ที่น่าตกใจคือมีคนมาต่อคิวซื้อตั๋ววันนั้น (ตอนบ่าย 2) แล้ว!!!
เติมพลังก่อนปั่น (เพิ่งกินข้าวมานะ…)
สะพานข้ามแม่น้ำครับ มีทั้งทางเดินรถไฟ ทางเดินคนและจักรยาน ทางดีโคตรๆ
ปั่นจักรยานกลับมา พักให้หายเหนื่อย (มีอุบัติเหตุด้วย แต่น้องๆ ปลอดภัยดี) พวกเราก็ไปเดิน shopping กันที่ SMTOWN at COEX Artium (코엑스아티움) หลักๆ ก็ไปชม Shop SMTOWN ที่ใหญ่ที่สุดของค่าย S.M. Entertainment นั่นเอง ในร้านรวม Merchandise ทุกอย่างของ S.M. Ent และศิลปินในค่ายให้เลือกซื้อกันทั้ง CD, โปสเตอร์, Photobook,อาหาร, เครื่องดื่ม, ปลอกหมอน ฯลฯ ผมก็เลือกซื้อของที่ SM True ไม่นำเข้ามาในไทยอย่าง PB ของน้อง Krystal และ CD อัลบั้มของเด็กๆ เค้ก Red Velvet มา
โต๊ะใน Cafe ที่มีลายเซ็นต์ Girls’ Generation
พอซื้อของเสร็จ ก็ไปย่าน Shinchon เพื่อหาของกินกันครับ จริงๆ ตอนแรกไป Hongdae (홍대) ก่อน แต่ร้านมันปิดก็เลยต้องเปลี่ยนที่ ระหว่างทางเดินไปสถานีรถไฟก็เลยเดินถ่ายรูปย่านกังนัม (강남구) มา
ย่าน Shinchon ก็เป็นอีกอย่างที่คึกคักไม่แพ้ Hongdae ครับ เต็มไปด้วยร้านขายของแบรนด์เนม, ร้านอาหาร, ผับและบาร์, คนเมา, คนมาซื้อของ แต่แออัดและรั่ว (จำนวนคนเมาเละ) น้อยกว่า Hongdae มาก เดินสบายๆ ส่วนร้านหมูย่างที่ไปกินก็เด็ดดี อร่อย ตกคนละ 11900 วอนเอง
ขากลับ น้องๆ เดิน shopping กันต่อ แต่ผมรีบกลับเพื่อเตรียมตัวไปรอซื้อตั๋วคอนเสิร์ตแทยอนในวันรุ่งขึ้นครับ น้องมันก็เลยพาไปนั่งรถเมล์กลับสถานี Seoul Station ซึ่งก็เป็นการนั่งรถเมล์ในเกาหลีใต้คนเดียวครั้งแรกด้วย แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักเพราะมีจอบอกป้ายทุกป้ายเลย สบายๆ ไม่ต้องมานั่งดูทางเองแบบบ้านเรา แค่ตั้งใจฟังประกาศบนรถก็พอ
รถเมล์ใช้เวลาแค่ 20 นาทีก็มาถึง Seoul Station ครับ แล้วผมก็กลับที่พักเลย รีบนอนเพื่อตื่นแต่เช้ามืดไปต่อคิวซื้อตั๋วคอนเสิร์ตในวันรุ่งขึ้น
ก็ขอจบตอนแรกไว้เท่านี้ก่อนครับ ตอนหน้ามาพาไปนั่งรอต่อคิวซื้อตั๋วคอนเสิร์ตด้วยการอยู่เฉยๆ 12 ชั่วโมงครับ T^T
Link:
–
สรุปทริป Seoul – Persona – Sunny BD Party
– Taeyeon: Persona in Seoul
– Sunny Birthday Party in Seoul
2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยว Seoul-Persona 2017 #1: สวัสดี Seoul รอบที่สาม”