สะพายกล้องเที่ยว Kashmir #1: สวัสดี Srinagar

หลังจากหายไป 2 เดือน ผมก็กลับมาปั่น blog ทริป Leh-Srinagar ต่อแล้วครับ จากตอนที่แล้วพวกเราบินจาก Leh มาที่เมือง Srinagar เมืองหลวงฤดูร้อนของรัฐ Jammu and Kashmir พวกเราลงที่ Sheikh ul-Alam International Airport ซึ่งใหญ่โตและทันสมัยมากๆ (เมื่อเทียบกับสนามบินที่เลห์) แต่ว่าเราก็รู้สึกถึงความกดดันเยอะกว่าเช่นกันเพราะว่ามีตรวจเข้มมาก กรอกข้อมูแล้วกรอกข้อมูลอีก ทหารก็ถืออาวุธครบมือเดินอยู่เต็มสนามบิน

พวกเราออกมาหน้าสนามบิน ไกด์ที่ชื่อโซฟีก็มารอรับอยู่แล้ว พวกเราก็นั่งรถตู้จากสนามบินไปที่พักกัน (แน่นอนว่าพวกที่หวังดีมาชวนเราเข็นกระเป๋าแม่งขอตังค์ทุกคน) ระหว่างทางชมวิวบ้านเมืองเขา บ้านเมืองดูเจริญดีครับ บรรยากาศและผู้คนมีกลิ่นอายอิสลามชัดเจน แต่ที่เด่นที่สุดคือทหารในชุดเกราะพร้อมอาวุธครบมืออยู่ตามท้องถนน, และตามตึกตามอาคารต่างเต็มไปหมด (อย่างที่รู้กันว่า Kashmir นี่เขตดราม่าระหว่างหลายประเทศรวมไปถึงขบวนการแบ่งแยกดินแดนเลย) นั่งรถมาไกลพอสมควร รถก็พาเรามาที่ทะเลสาป Dal Lake ซึ่งเป็นทะเลสาปที่ใหญ่เป็นอันดับสองของรัฐครับ ที่พักที่เราจะพักกันในเมืองนี้ก็คือบรรดา “เรือโรงแรม” ที่อยู่ในทะเลสาปนั่นเอง ก็ต้องนั่งเรือเข้าและออกกันตลอดครับ


เรือที่พาทังชาวบ้าน นักท่องเที่ยวและพ่อค้าแม่ค้าเดินทางไปในทะเลสาป


นั่งเรือเข้าที่พักกัน

ที่พักเราชื่อ H.B. Kashmir Treat ครับ อยู่เกือบปลายๆ ทะเลสาปเลยครับ ข้อดีคือเงียบสงบดีมาก กลางคืนบรรยากาศดีสุดๆ ในเรือก็หรูหรามาก ห้องน้ำห้องท่าสะอาด (มีน้ำอุ่นเป็นเวลา) แต่ว่าไม่มี wifi นะเออ (เห็นว่าเนตพังทั้งเมืองเป็นปกติ) และบางทีก็ไฟดับเป็นปกติด้วยเช่นกัน


เรือที่เราพักครับ บริหารงานโดยครอบครัว บ้านเขาอยู่หลังเรือนี่แหละ


ห้องรับแขก


ห้องนอน

หลังจากพักผ่อนตามอัธยาศัย เราก็กินอาหาร Kashmir มื้อแรกที่นี่กัน ก็ฝีมือลูกชายเจ้าของเรือนั่นแหละ อาหารก็แนวๆ อาหารอิสลามแหละครับ แต่ว่าอร่อยกว่าบ้านเราครับ กลิ่นเครื่องเทศไม่แรงเลย ระหว่างกินก็มีพ่อค้านั่งเรือมามาจอดที่ท่าแล้วเดินมาในห้องรับแขกแล้วเปิดการขายเลย (คือถ้ามันไม่มาถึงตัวเลยในเรือก็ระหว่างนั่งเรืออ่ะครับ พ่อค้าที่นี้แม่งตื้อสัดๆ ไม่เหมือนที่เลห์) พวกผมกินเสร็จก็เก็บของออกไปเที่ยวป้อม Hari Parbat กัน แต่ไม่กล้าคุยกะแม่งเลย เด๋วแม่งไม่ไป


อาหารมื้อแรกที่ Kashmir

ป้อม Hari Parbat นี่เริ่มต้นสร้างโดยจักรพรรดิอักบัรแห่งจักรวรรดิโมกุล และมาสร้างเสร็จโดย Shah Shujah Durrani แห่ง Afghan Empire ครับ ป้อมนี้เป็น landmark ที่เห็นได้จากทุกมุมของเมือง Srinagar เลย

ปัจจุบันป้อมนี้เป็นค่ายทหารครับ (เพราะน่าจะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ) มีวัดฮินดูและสุเหร่าอยู่ด้านใน จริงๆ เราต้องนั่งรถไปขึั้นกระเช้าขึ้นไปป้อมครับ แต่วันนี้มันปิดซะงั้น (อ้าว) แต่โชคดีที่โซฟีรู้จักกับคนในป้อม เขาเลยมาเปิดประตูให้พวกเรานั่งรถขึ้นไปเที่ยวได้ แน่นอนว่าต้องมีค่าปิดปากเพื่่อนโซฟีด้วย ตอนแรกก็นึกว่าจะแพงๆ แต่ปรากฏว่าพี่แกขอบุหรี่มวนเดียวพอครับ (ฮาาา) ทางเดินขึ้นป้อมสูงมาก เดินกันเหนื่อย โซฟีก็บรรยายประวัติศาสตร์เยอะมาก (ต่างจากนเรศฟ้ากะเหวเลย)


ป้อมนี้ทุกสร้างให้เป็นวังให้ทั้งผู้ครองนคร, ทหารอยู่เฝ้าป้อมนี้ได้ครับ ที่เห็นนั่นคือบ่อน้ำที่เขาผันน้ำขึ้นมาเก็บไว้ข้างบนให้อยู่ได้นานๆ แม้จะมีศัตรูมาล้อม


วิวสวย แต่เสียดาย ป้อมสภาพโทรมมาก

ลงจากป้อมพวกเราก็นั่งรถไปชมสวนดอกไม้ Indira Gandhi Tulip Garden กันต่อครับ คนเยอะมากๆ พวกเราเจอคนไทยที่นี่มากที่สุดเช่นกัน (เผลอนินทาคนไทยไปคนหันขวับเพียบเลย) อากาศก็ร้อนสุดๆ แต่ว่าฟ้าสวยสุดๆ ถ่ายรูปสนุกมาก


วิวเข้ามาก็เจอแบบนี้เลย


รุ้งกินน้ำ


แขกก็เยอะ

ก่อนกลับมาช่างภาพอินเดียมาขอถ่ายรูปพวกเราไปลงนิตยสารของ Kashmir ด้วย ผมก็เลยขอถ่ายรูปพี่แกไว้เช่นกันครับ

หลังจากนั้นโซฟีก็พาเราไปโรงงานขายพรม T^T ซึ่งแม่งก็โปรแกรมขายของตีหัวเข้าบ้านนั่นแหละ แต่พวกผมฟังผ่านๆ แล้วขอกลับเลย แล้วบอกโซฟีด้วยว่าอย่าพามาอีกนะ!! ก่อนกลับที่พักขอให้แกพาไปตลาดเพื่อซื้อของครับ ก็เหมือนตลาดบ้านเรานั่นแหละ ไม่มีอะไรต่าง


โซฟี พ่อไกด์ประจำ Srinagar ของเรา จริงๆ แกก็เป็นคนน่ารักนะครับ แต่แกจริงจังไปหน่อย (ฮาา)

แล้วพวกเราก็นั่งเรือกลับที่พัก บรรยากาศกลางคืนเงียบสงบดีมากครับ สาวเรือข้างๆ โคตรแหล่ม อาหารอร่อย อากาศก็โคตรเย็น (แม้จะไม่เท่าที่เลห์) เป็นคืนที่พวกเรานอนกันสบายที่สุดคืนหนึ่งเลย


นั่งเรือกลับกัน

เช้าวันรุ่งขึ้นเรือมารับพวกเราแต่เช้า พวกเรากินข้าวเช้ากันอิ่มหนำสำราญแล้วก็นั่งเรือไปวิหารพระศิวะ Shankaracharya Temple (शंकराचार्य मंदिर) วัดนี้อยู่บนภูเขาที่อยู่สูงพอๆ กับป้อม Hari Parbat นั่นแหละ ความโหดคือห้ามเอากล้อง, อุปกรณ์ electronic ทุกอย่าง, มือถือขึ้นไปเลยครับ ต้องฝากไว้กับรถแล้วเดินขึ้นไปชมตาเปล่าอัน ทางขึ้นก็เป็นบันไดสูงๆ เดินเหนื่อยดี คนขึ้นเยอะมาก ขึ้นไปข้างบนก็ไม่ค่อยมีอะไรหรอกครับ พวกเราเข้าไปไหว้พราหมณ์, บูชาพระศิวะแล้วก็เดินชมวิวข้างบน เป็นอีกมุมที่เห็นเมือง Srinagar ครอบคลุมเหมือนกัน ข้างๆ วิหารเป็นหอส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง เหตุผลที่ห้ามเอาอะไรขึ้นมาเลยก็น่าจะเพราะอันนี้แหละ


เรือมารอแต่เช้า


แฮร่

แล้วพวกเราก็ไปสวน Heritage Mughal Garden Shalimar (Shalimar Bagh – शालीमार बाग़) ที่นี่เป็นสวนหย่อมที่สร้างโดยจักรพรรดิชะฮันคีร์แห่งจักรวรรดิโมกุลเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของพระมเหสี Nur Jahan (ใครมาแนะนำให้ระวังพวกพ่อค้าในร้านๆ หน้าสวนนี่นะ แม่งตุกติกสัดๆ)

สวน Shalimar Bagh นี่ด้านในมีต้นไม้ ดอกไม้และสวนน้ำเต็มไปหมดครับ จัดสวนสวยมาก รมรื่นดีแม้จะไม่ได้ต้นไม้คลุมไปทั้งสวน แขกมาเที่ยวกันเยอะมาก คนเยอะแต่ไม่แออัด พวกเราถ่ายรูปกันสนุกเลยครับที่นี่

แล้วโซฟีก็พาพวกเราไปกินข้าวร้านอาหารแถวๆ นั้นครับ ผมสั่งข้าวหมกแพะไป รู้สึกว่าอร่อยกว่าที่ไทยแฮะ แต่ร้านอาหารสภาพแย่สัดๆ ร้านหรูนะแต่อากาศโคตรอับเลย กินเสร็จพวกเราก็ไปสวนโมกุลแห่งที่ 2 ชื่อ Heritage Mughal Garden Nishat (Nishat Bagh) ที่จุดเด่นอยู่ที่การเล่นระดับของน้ำครับ แต่พวกเราอยู่ที่สวนนี้ไม่นานนักเพราะจริงๆ แล้วมันก็เหมือนๆ กับที่แรกนั่นแหละ คนก็เยอะกว่ามากๆ ด้วย

ที่เจอเฉพาะที่นี่คือเด็กๆ ชอบเอาขวดน้ำมาอุดรูน้ำพุเล่นกัน แล้วปล่อยให้น้ำพุมันดันขวดขึ้นมาแข่งกันครับ ก็ดูสนุกดี

เสร็จแล้วพวกเราก็นั่งรถกลับเรือครับ พักผ่อนแป๊บนึงแล้วก็เตรียมตัวออกมานั่งเรือล่อง Dal Lake กินลมชมวิวกัน ^^


แห่งแม่งสบตาแบบนี้พ่อค้าล้าน % ครับ แม่งจะพายเรือมาประกบแล้วพยายามขายของไม่ปล่อยเลย Say no รัวๆ ก็ไม่ไป

ก็ขอจบตอนแรกของทริป Kashmir นี้ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ตอนหน้าจะพาไปล่องเรือเที่ยวทะเลสาปแล้วพาไปเที่ยวตะลุยภูเขาหิมะในเมือง Srinagar ด้วยครับ

Link:
สรุปทริป เลห์ – ศรีนาคา

2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยว Kashmir #1: สวัสดี Srinagar

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.