ต่อจาก ตอนที่แล้วนะครับ พวกผมตื่นมาก็รีบไปจองห้องต่อกับเด็กโรงแรมกะเช้าทันที ปรากฏว่าต้องย้ายห้องเพราะวันนี้ทัวร์ไทยจะมาลงครับ ได้ห้องบังกะโลที่อยู่ข้างล่าง ต่อเหลือคืนละ 600 ไม่เห็นวิวอะไรเลยแทน ลองเดินไปถามที่อื่นก็แพงกว่า กันแต่ห้องไม่ได้ดีกว่า กลับมาคุยกับเพื่อนก็เอาวะ อยู่โรงแรมเดิมต่อ ก็ย้ายห้องกัน บรรยากาศของห้องเป็นบังกะโลไม้ๆ โบราณๆ แบบของบ้านเราครับ เก็บของแล้วออกมาเดินเล่นในเมือง
วันนี้พวกเราเช่าจักรยานกันครับ เลือกจักรยานแม่บ้านเพราะงก (แล้วผมก็รู้สึกว่าคิดผิดที่หลัง) ตอนที่จะเช่านี่เขาจะยึด passport ไว้เป็นหลักประกัน เช่าเสร็จก็ปั่นกลับไปจองรถกลับเวียงจันทน์ที่โรงแรมก่อน แล้วก็ก็ปั่นไปร้านกาแฟที่มีขายเบเกอรี่ (มีรูปใน entry เก่า) เป็นร้านกาแฟ+ขายอาหารของโรมแรมในตัวเมืองครับ บรรยากาศดี มี free wifi ก็สั่งกาแฟกับข้าวเช้า+กลางวันกินกัน
สู้ร้านข้างนอกไม่ได้ แต่ก็อิ่ม
กาแฟลาวอร่อยมากกกกกกกกกกกกก
กินเสร็จเพื่อนๆ ผมเลือกที่จะนั่งอยู่ร้านนี้ยาวแหละ เพราะสั่งกาแฟมากินได้เรื่อยๆ มีขนม มี wifi ผมก็เลยออกไปปั่นเดี่ยวออกไปถนนอีกเส้น ไปเที่ยววัดในเมืองครับ ปั่นในวังเวียงแรกๆ ก็งงหน่อยเพราะกลับด้านกับบ้านเราแต่สักพักก็ชิน
วัดแรกที่ไปนี่เดินผ่านตั้งแต่เมื่อวาน มาถึงก็ปั่นเข้าไปเลย เดินเข้าไปในศาลาการเปรียญก็เจอผู้เฒ่าผู้แก่ที่มาทำบุญจับกลุ่มคุยกันอยู่ พอผมเดินเข้าไปไหว้พระปุ๊บลุกเดินหนีกันทั้งวง – -” ว่าจะขอถ่ายรูปเลยไม่ได้ขอเลย
ไหว้พระเสร็จก็ปั่นไปวัดที่ 2
โบสถ์
ศาลาการเปรียญ
ผู้เฒ่าผู้แก่
เท่าที่สังเกตุวัดในวังเวียงนี่จะเหมือนวัดตามต่างจังหวัดบ้านเราครับ คือปิดโบสถ์แต่เปิดศาลาการเปรียญไว้ให้คนมาไหว้พระในศาลาแทน ออกจากวัดที่ 2 ผมก็ปั่นออกนอกเมืองไปอีก บรรยากาศเหมือนปั่นในหมู่บ้านที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย แล้วก็ไปเจอวัดที่ 3
ปั่นเข้าไปปุ๊บเจอหลวงพี่ยืนอยู่เลยเข้าไปคุยด้วย หลวงพี่ก็ถามว่ามาจากไหน เที่ยวมาแล้วกี่วัน คุยกันสักพักผมก็ลาหลวงพี่ออกมาจากวัดครับ
พระพุทธรูปลาวนี่ไม่ผอมก็อ้วนไปเลยนะ
เด็กวัดนี้ขี่รถ AVP ครัชชช
ไปมาสามวัดเริ่มเหนื่อย+ร้อน เลยปั่นกลับไปร้านเดิมเพื่อเติมพลังก่อน (เพื่อนยังนั่งอยู่) แล้วก็ลองปั่นไปริมแม่น้ำซองดู ถนนเป็นถนนลูกรังฝุ่นตลบเลยครับ
resort ที่เป็นบังกะโลติดนา
ผมปั่นริมน้ำไปจนสุดทางก็จะมีลำธารเล็กๆ ไหลจากด้านขวามาบรรจบกับแม่น้ำครับ เลยไปเป็นหมู่บ้านและสะพานข้ามแม่น้ำของโรงแรมที่ต้องเสียตังค์ข้าม ลำธารนั่นเล็กมากๆ จนจูงจักรยานข้ามได้ ผมก็จูงแล้วก็ปั่นไปต่อเข้าไปในหมู่บ้านที่เส้นทางดูจะออกไปป่าๆ หน่อยแล้ว จริงๆ คิดว่าไปต่อได้ น่าจะมีที่เที่ยวอีกเยอะ แต่จักรยานมันไม่ให้จริงๆ เลยปั่นกลับ ;__;
ปั่นๆ ไปเจอนักท่องเที่ยว (น่าจะคนลาว) ขับรถมาจอดริมน้ำแล้วลงไปถ่ายรูป
ชาวบ้านมาซักผ้าริมน้ำ
ห่าน!! ดุใช้ได้ครับ ผมค่อยย่องๆ เข้าไปถ่ายรูปมัน มันพุ่งเข้าใส่เลย
น้ำตื้นจริงๆ
ขากลับไปร้านเดิม เจอนักท่องเที่ยว (เหมือนจะเกาหลี) นั่งห่วงยางลอยมาขึ้นฝั่งพอดี (แม่น้ำซองมีบริการเที่ยวทางน้ำ 3 แบบครับ 1.เรือคายัค 2. เรือหางยาว 3. ลอยห่วงยาง)
ก็ขอจบตอนแรกของวันที่ 3 ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ