พาทัวร์แดนเขมร #2.2: See Angor Wat and Die

หลังจากไปเที่ยว 3 ปราสาทในตอนเช้า หลังกินข้าวไกด์ก็พาเราไปยังไฮไลท์ของทริปนี้ครับ

นครวัดหรืออังกอร์วัดเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก สร้างในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ชื่อเดิมคือปราสาทพระพิษณุโลก (หรือวิษณุโลก) เพราะที่นี่สร้างถวายพระนารายณ์ (พระวิษณุ)


คนเยอะมาก


อันนี้ตอนเดินไปเจอครั้งแรกรู้สึกว่าน่ากลัวมากก -*-


เทวรูป 8 กรที่โคปุระกลาง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร

ปราสาทนครวัดนอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อถวายองค์วิษณุเทพแล้วยังใช้เป็นพระราชสุสานสำหรับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ด้วย เลยได้ชื่อว่า Funeral Temple (โดย ศาตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์) หรือภาษาไทยว่า “มฤตกเทวาลัย” นครยังเป็นปราสาทแห่งเดียวที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยครับ


นางอัปสรามีเขี้ยวที่โคปุระกลาง หนึ่งใน series นางอัปสราแปลกๆ แห่งนครวัด

ตอนแรกผมเดินอยู่ข้างหน้าก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาก แค่รู้สึกรำคาญที่คนเยอะ แต่พอเดินทะลุโคปุระกลางเข้าไปได้ถึงสะพานนาคนี่ถึงกับอึ้งเลยครับ คือมันกว้างมาก ยิ่งใหญ่มากจริงๆ อลังการมากๆ จนรู้สึกว่าตัวเราเล็กไปเลย จำได้ว่าตอนที่ยืนอยู่นี่นึกไปว่าทัพอยุธยาที่บุกเข้ามานครวัดครั้งแรกจะรู้สึกยังไงเลย คงจะอึ้งเหมือนเราแน่ๆ

พอเข้ามาในชั้นปราสาท พี่ไกด์ก็พาเดินรอบระเบียงคดชั้นแรกเพื่อชมภาพแกะสลักนูนต่ำที่ยาวที่สุดโลก โดยพี่ไกด์จะอธิบายค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียวครับ แต่ละภาพนี่ก็จะบอกได้ว่าสลักยุคสมัยไหน มีทั้งที่สลักยังไม่เสร็จด้วย


ภาพแกะสลักจากระเบียงคดทิศตะวันตกปีกด้านเหนือ เป็นรูปศึกลงกาครับ สังเกตุได้ว่ารายละเอียดแม้จะไม่งดงามอ่อนช้อยเท่าที่บันทายศรี แต่ก็มีรายละเอียดดีมากๆ


นางอัปสร สังเกตุจุดที่มีคนจับเยอะๆ ได้

ระเบียงคดทิศตะวันตกปีกด้านใต้ แสดงรูปการยุทธที่ทุ่งกุรุเกษตรจากเรื่องมหาภารตะครับ ในรูปคือภีษมะแม่ทัพฝ่ายเการพถูกยิงธนูใส่ทั้งตัวจนไม่มีที่ให้ปักได้อีก (จะเห็นว่าละเอียดมากกก)

ระเบียงคดทิศใต้ปีกด้านตะวันตกเป็นภาพแกะสลักชุดระเบียงประวัติศาสตร์ เป็นภาพของขบวนทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ก่อนที่จะไปรบกับพวกจามครับ


นางสนมก็ไปด้วย


ไกด์บอกอันนี้ทัพทหารคนจีน

แน่นอนว่ารูปสลักที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับคนไทยในภาพระเบียงด้านนี้คือภาพ “กองทัพสยำกุก” หรือกองทัพเสียมกุกซึ่งชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของคนไทย จิตร ภูมิศักดิ์สันนิษฐานว่าเป็นกองทัพชาวสยามจากลุ่มแม่น้ำกก – ซึ่งสยามสมัยนั้นอาจจะไม่ใช่บรรพบุรุษของเราหรืออาจจะไม่ใช่ชนชาวสยามที่เราคิดเลยก็ได้ ที่ฮาก็คือทัพเสียมกุกนี่ยืนไม่เป็นระเบียบ แต่งกายมั่วๆ ประหลาดๆ ไม่เหมือนกองทัพจากชาติอื่นๆ เลยครับ … นี่สิไทยแท้ๆ :p

ระเบียงคดทิศตะวันออกปีกด้านใต้เป็นรูปการกวนเกษียรสมุทรครับ ที่ไม่เหมือนบ้านเราคือแม่ทัพฝั่งเทวดาเป็นหนุมาน แต่ตำนานบ้านเราบอกว่าเป็นพระราหูปลอมตัว ซึ่งทั้งสองตำนานก็จบเหมือนกันคือราหูแอบกินน้ำอมฤตไปครึ่งนึงก่อนจะโดนกงจักรตัดครึ่งตัว

ดูเท่านี้ก็ต้องเข้าด้านในครับ เพราะเวลาจะไม่พอเอา ที่ระเบียงคดชั้น 2 และชั้น 3 มีรูปสลักนางอัปสรอยู่ด้านใน ไกค์คนไทยชี้ให้ดูนางอัปสรทำผมทรงเซเลอร์มูนด้วย


ไอ้ด้านซ้าย 3 ตัวนั้นดูท่าจะเป็นฝีมือคนมือบอนมากกว่าครับ

ตรงกลางระเบียงคดชั้นในสุดคือพระปรางค์ประธานที่ต้องเดินปีนบันไดชันๆ ขึ้นไป จากตำแหน่งคือเป็นตัวแทนเขาพระสุเมรุ ไกด์บอกว่าทำบันไดชันๆ เพราะให้เวลาคนเดินขึ้นไปต้องก้ม ค่อยเดิน เป็นการแสดงความเคารพ ชั้นบนตั้งแต่ระเบียงคดชั้นในรวมไปถึงพระปรางค์นี่ถือเป็นที่ประทับของเทพครับ มีแค่กษัตริย์กับพราหมณ์ชั้นสูงเท่านั้นที่เข้มาได้

แต่แน่นอนว่าสมัยนี้ให้ขึ้นบันไดหินแบบนั้นก็กระไรอยู่ เลยมีบันได้สมัยใหม่ให้ แต่ว่าคนที่ใส่กางเกงขาสั้นเลยเข่ารวมไปถึงกระโปรงสั้นขึ้นไม่ได้เด็ดขาดครับ ไม่มีให้เช่าผ้าถุงแบบบ้านเราด้วย


สูงจริงๆ นะเออ

ขึ้นมาด้านบนก็แคบๆ มีพระพุทธรูปที่ซุ้มฐานปรางค์ทั้ง 4 ทิศ (แต่ก่อนเป็นรูปพระวิษณุ ก่อนจะเปลี่ยนศาสนาเป็นพุทธในภายหลัง) ตรงกลางเป็นที่กว้างพอๆ กับห้องแถว 1 ห้องครับ


ทำไรกัน


เคารพสถานที่บ้างเฮ้ย


ดูความมันได้

เดินได้รอบนึงก็ต้องรีบลงครับ เพราะช้าแล้วต้องไปปราสาทพนมบาเค็งที่ย้ายมาจากเมื่อวานต่อ ทำให้อดดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่เลย ;__; เสียใจมากๆ


คนต่อคิวเยอะมาก

พอลงมาได้ก็รีบๆ เดินออกไปครับ ซึ่งก็เหนื่อยใช่เล่นเลยเพราะมันกว้างมาก

สำหรับผมแล้ว นครวัดเป็นที่ๆ อลังการที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด รู้สึกได้ถึงความอหังการและศรัทธาของมนุษยชาติที่สร้างปราสาทขนาดใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา นครวัดมีรายละเอียดให้เดินดูเยอะไปหมดจนทำให้เดิน 3 ชั่วโมงก็ไม่พอ ถ้าจะเก็บรายละเอียดให้ครบคงต้องใช้เวลาสัก 3 – 5 วันทีเดียว

>

See Angor Wat and Die จริงๆ ครับ

“One of these temples—a rival to that of Solomon, and erected by some ancient Michael Angelo—might take an honourable place beside our most beautiful buildings. It is grander than anything left to us by Greece or Rome, and presents a sad contrast to the state of barbarism in which the nation is now plunged.”

Henri Mouhot บุรุษผู้ค้นพบนครวัด

หมายเหตุ: ข้อมูลอ้างอิงในการเขียนนำมาจากหนังสือต่อไปนี้ครับ
– Trips magazine ฉบับนครวัด นครธม
– คู่มือนำเที่ยวนครวัด นครธม โดยศรัณย์ บุญประเสริฐและยอด เนตรสุวรรณ

One thought on “พาทัวร์แดนเขมร #2.2: See Angor Wat and Die

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.