The Grandmaster : ยิปมันแบบเหงาๆ

ผมเคยดูหนังยิปมันของWilson Yip และ ดอนนี่ เยน มาแล้วทั้ง 2 ภาค (รีวิวภาค 1, รีวิวภาค 2) ซึ่งก็ชอบทั้ง 2 ภาค รวมถึงได้ยินข่าวคราวถึงหนังยิปมันของผู้กำกับหว่องกาไว มานานว่ามันทำนานมาก จนในที่สุด The Grandmaster ก็ได้ฉายซะที

The Grandmaster poster

The Grandmaster ได้ เหลียงเฉาเว่ย มารับบทเป็นอาจารย์ยิปมันและยังได้หยวนวูปิง มากำกับคิวบู๊ (ฉบับดอนนี่เยน เป็นหงจินเป่า)

หนังแบ่งเป็น 2 ยุคคือช่วงรุ่งโรจน์ของอาจารย์ยิปมัน บ้านรวย กินมรดก, ประลองฝีมือและนั่งเล่นในร้านน้ำชาฮายโซวไปวันๆ เมียสวย (มากก) มีลูก เขาประลองชนะอาจารย์กง ผู้นำสมาคมกังฟู หลังจากนั้นแม้เขาจะแพ้ในการประลองกับคุณหนูกงที่ต้องการแก้มือให้บิดา แต่การประลองก็ทิ้งความสัมพันธุ์ในใจบางอย่างให้ทั้งคู่

หลังจากนั้นหนังก็ตัดมายุคตกต่ำของอาจารย์ยิปมัน ญี่ปุ่นบุกจีน ยืดบ้าน ครอบครัวแตกสลาย เขาต้องย้ายไปฮ่องกง ตั้งตนใหม่ด้วยการเปิดสำนักมวย ขณะที่คุณหนูกงก็เตรียมการสะสางบัญชีเลือดระหว่างเธอกับหม่า ซัน ศิษย์เอกของพ่อเธอ

หนังเรื่องนี้เป็นหนังหว่องกาไวเรื่องแรกที่ผมดูครับ >< แต่เท่าที่อ่านรีวิวหนังเรื่องเก่าๆ และจากคำบอกเล่าของเพื่อนที่ชอบหนังของเขาเลยพอจะทำได้ระดับหนึ่งว่าเข้าโรงไปจะเจออะไร -*-

หนังเรื่องนี้ภาพสวยมากจริงๆ สวยโคตรๆ ขนาดฉากที่ไม่มีอะไรนอกจากคนเดินบนถนน แสงไฟสลัวๆ หิมะโปรยปรายแม่งยังสวยมากกกกกกกกกกกกกกกก จางซี่ยี่ (คุณหนูกง) และซองเฮเคียว (เมียยิปมัน) ก็สวยโคตรๆ เลย ^^ คุณหนูกงนี่มีบทในเรื่องเยอะกว่าอาจารย์ยิปอีกมั้ง เป็นตัวละครหลักเลย โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งระหว่าง การล้างแค้น-หน้าที่ของผู้หญิงในสังคมจีน-ความรักของพ่อที่มีต่อลูก ซึ่งท้ายที่สุดเธอก็คือคนที่น่าสงสารและเจ็บปวดที่สุดในเรื่องครับ

ฉากต่อสู้ก็สวยครับ เน้นฉาก slow motion แสงสวยๆ โอเวอร์ๆ สลิงๆ แบบหยวนวูปิงที่ผมเริ่มจะเอียนแล้ว คือฉากต่อสู้สวยแต่ผมชอบคิวบู๊แบบหงจินเป่ามากกว่า วิทยายุทธใน The Grandmaster นั้นไม่ได้รับการกล่าวถึงในแง่จิตวิญญาณของประเทศจีน ความสูงส่งทางจิตวิญญาณ (แบบฉบับดอนนี่เยน) แต่ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นคือคนต่อยตีกัน ไม่มึงล้มก็กูล้ม คือทุกคนสู้เพื่อตัวเอง ซึ่งก็ตีโจทย์ออกมาได้ต่างจากหนังยิปมันเรื่องก่อนหน้าดีครับ ด้วยโจทย์แบบนี้มวยหย่งชุนและยิปมันแบบเหลียงเฉาเว่ยเลยดูอวดตัวนิดๆ เย่อหยิ่ง ถือตัวเมื่อเทียบกับหย่งชุนและยิปมันแบบดอนนี่เยนที่จะดูเรียบๆ ถ่อมตัวมากกว่า

หนังแม่มติสเหี้ยๆ ครับ เล่าเรื่องแบบงงๆ (หรือผมโง่เองวะ) ชนิดที่หลุดไปหน่อยจะงงเลยว่าไอ้นี่แม่งใครวะ มันมานี่ได้ไง หนังมันนิ่งๆ ถ่ายลม ถ่ายฟ้า ถ่ายฝน บรรยากาศเหงาๆ หม่นๆ เงียบๆ ไม่ค่อยคุยกัน ดู feel รักไม่สมหวัง รักที่ต้องแอบไว้ในใจยังไงก็ไม่รู้ พอจะเข้าใจแล้วว่าหนังหว่องกาไวมันเป็นยังไง (╯°□°)╯ ┻━┻

ขอสรุป The Grandmaster ว่า “ภาพสวยมากก เหงามากก คิวบู๊สวย ญ ในเรื่องสวย ติสแดก (╯°□°)╯ ┻━┻” ครับ ส่วนตัวแล้วผมชอบ Ip Man 2 ของดอนนี่เยนมากว่า

คนบางคนโดดเด่นในที่สว่าง คนบางคนโดดเด่นเมื่ออยู่ในที่มืด

ป.ล. ว่าแต่มีดโกนแม่งใครวะ ออกมาอย่างเท่ อย่างเก่งแต่มึงไม่เห็นเล่าต่อเลยว่ามันเป็นใคร!! (╯°□°)╯ ┻━┻ (╯°□°)╯ ┻━┻

2 thoughts on “The Grandmaster : ยิปมันแบบเหงาๆ

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.